ในกรณีนี้คือตัวอย่างของแปลที่ดินที่ พล.อ.ประยุทธ์ขายในปี 2557 มีมูลค่า 550 ล้านบาท ขณะนี้ปี 2564 เพิ่มเป็น 720 ล้านบาทแล้ว หรือเพิ่มขึ้นปีละ 3.9% แต่เพราะมาตรการช่วยคนรวยของรัฐ ที่ดินแปลงนี้เสียภาษีที่ดินปีละเพียง 6,500 บาทหรือเดือนละ 542 บาท ถูกกว่าค่าส่วนกลางในห้องชุดถูกๆ เสียอีก
หากสมมติให้ราคาประเมินของกรมธนารักษ์สำหรับที่ดินแปลงนี้เป็นเงิน 200 ล้านบาท
1. หากที่ดินแปลงนี้เป็นที่ว่างเปล่า 50 ล้านแรก จะเก็บ 0.3% และ 51-200 ล้านบาท จะเก็บ 0.4% (https://bit.ly/3cw18qw) ก็จะเป็นเงินปีละ 750,000 บาทเท่านั้น
2. แต่การ “แสร้ง” ทำเป็นที่ดินเกษตรที่มีรายได้สุดต่ำและไม่คุ้ม ก็จะเสียภาษีในอัตรา 0.01% สำหรับที่ดินราคา 75 ล้านบาทแรก 0.03% สำหรับที่ดิน 25 ล้านบาทล้านบาทถัดมา และอีก 0.05% สำหรับที่ดิน 100 ล้านบาทถัดมา หรือรวมแล้วเสียภาษีเพียง 65,000 บาท ทั้งนี้ในกรณีบริษัท แต่ถ้าในกรณีบุคคลธรรมดา ไม่ต้องเสียภาษีในช่วง 3 ปีแรกอีกต่างหาก
3. แถมในพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ 30 มกราคม 2564 (https://bit.ly/3tiOO3K) ระบุว่าให้ลดภาษีสำหรับที่ดินเกษตรกรรมและอื่นๆ ลงอีก 90% เหลือ 10% ก็แสดงว่าที่ดินมูลค่า 720 ล้านบาทแปลงนี้จะเสียภาษีเพียง 6,500 บาทต่อปีเท่านั้น
หากพิจารณาตามมาตรฐานสากล ที่ดิน 720 ล้านบาทแปลงนี้ หากต้องเสียภาษีสัก 1.5% ควรเสียภาษีประมาณ 10.8 ล้านบาทต่อปี ไม่ใช่ 6,500 บาทต่อปีเช่นนี้ และแม้ต้องเสียภาษีถึง 10.8 ล้านบาทต่อปี ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นต่อปีที่ 3.9% ก็ยังมากกว่าภาษีที่ต้องเสียอยู่ดี คนรวยๆ หรือใครก็ตามจึงไม่ควรกลัวการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง