วันก่อนผมแทบช็อค มีเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่กลับตำหนิที่ผมแปะเฟสบุ๊กเรื่องแม่และแม่ยายผม รวมทั้งตำหนิที่ผมแปะรูปใส่บาตรตอนเช้า งงมากทำไมเพื่อนจึงคิดแบบนี้ ทั้งที่คบกันมานับสิบๆ ปี
เจ๊คนหนึ่งบอกว่าผมแปะคลิปไปหาแม่ยายและแม่ผมในเฟสบุ๊กบ่อยๆ แทบทุกวัน เขารู้สึกน่าเบื่อมาก ผมก็งงเลยครับ ปกติผมไปทำอะไรมาก็แปะลงไว้เตือนความจำ และผมก็โอ่อ่า เปิดเผย ไม่ปิดบัง ไม่ใช่แปะแต่เรื่องเอาหน้า ขนาดว่าวันหนึ่งมีสาวส่งข้อความทางไลน์ให้ระวังว่าฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว กลับบ้านสายตาพร่ามัว ผมก็รีบตอบไปว่านั่นคงเป็นข่าวปลอม สาวบอกให้ผมอ่านให้ดี เพราะเป็นแค่มุขว่าคนถูกฉีดยานั้นลืมแว่นตาไว้ที่โรงพยาบาล ผมเห็นความผิดจากการอ่านแบบประมาท ผมก็ยังแปะเฟสบุ๊ก เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นว่าไม่ควรอ่านพลาดเหมือนผม
เจ๊คนดังกล่าวบอกว่าการแปะทุกวันแสดงว่าอยากอวดว่าตนเองกตัญญู ทำดีโดยไม่แปะไม่ได้หรือ รำคาญ-ขี้เกียจดู ผมบอกว่าผมกตัญญูจริง ผมไปหาแม่ยาย แล้วก็เดินราว 3.5 กิโลเมตรกลับมาคุยกับแม่ผมที่บ้านน้องชายต่อ และก็มีคนชอบคลิปของผมมากโดยเฉพาะในแฟนเพจ (FB/dr.sopon4) ผมใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าแทบทุกวันจนเป็นนิตย์ ไม่ใช่ทำครั้งคราวเพื่อ “สร้างภาพ” ถ้าเราไม่อยากดูเฟสส่วนตัวหรือแฟนเพจใคร ก็กดไม่ติดตามได้ ผมก็ไม่ได้ไปซื้อโฆษณาให้คนเห็นการแปะเฟสบุ๊กของผมแบบพวกดาราหรือพวกโฆษณาสินค้าแต่อย่างใด
ยังมีเฮียอีกคนหนึ่ง แกบอกว่าแกเป็นคนไม่มีศาสนา แกไม่ชอบเห็นผมใส่บาตรกับแม่ในเช้าตรู่วันหยุด แล้วส่งไลน์พร้อมคำทักทายเพื่อนๆ ในกลุ่ม ผมก็เลยชี้แจงไปว่า การส่งไลน์กลุ่มในเช้าวันหยุดก็เป็นการทักทาย คล้ายๆ กับการส่งดอกไม้ ที่ใช้คลิปใส่บาตรก็เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ร่วมกันอนุโมทนา จะได้เบิกบานใจ เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำดีร่วมกันเท่านั้น ไม่น่าจะทำให้รบกวนใคร หรือทำให้ผู้ใดเคืองได้เลย
ถ้าคิดให้ดีทั้งเจ๊ทั้งเฮียที่ผมเคารพนี้ก็มีน้ำใจกล้าบอกผมตรงๆ และก็เป็นคนที่มีสติปัญญาดี เฮียเขาก็ทำใจ เข้าใจที่ภริยาของเขาเองก็ยังไหว้เจ้าประลกๆ แต่ปรากฏการณ์ที่พวกเขาไม่พอใจผมนี้ชี้ให้เห็นว่า เพื่อนแสนดีของเราอาจมีเรื่องไม่พอใจบางอย่างที่เก็บงำอยู่ ก็เลยพาลพาโลไปบ้าง เราเองก็คงต้องสังวรกับการ “เหยียบตาปลา” ใครโดยไม่ตั้งใจ หรือบางคนก็เข้าทำนอง “ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากจะเห็นเราเด่นเกิน”
ในสังคมนี้ “มิตรของมิตรก็คือมิตร” ส่วน “ศัตรูของมิตรก็คือศัตรู” แต่บางที “ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร” หรือบางทีเราก็เหมาเอาว่า “มิตรของศัตรูก็คือศัตรู” ที่สำคัญ หลายคนเชื่อว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร” ซึ่งก็พอเป็นจริงเช่นกัน เพราะบางทีสถานะก็อาจแปรเปลี่ยนไปได้ตามเงื่อนไข เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา “in the way” อยู่กีดขวางทางไปของเขา เขาก็อาจเห็นเราเป็นศัตรู (อย่างน้อยก็ชั่วขณะ) ไปได้เช่นกัน
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ การคบคนเสียเปรียบไว้หน่อยก็ดี เพราะคนที่เอาเปรียบเราจะได้เกรงใจ (ว่าเราใจใหญ่ กล้าให้เขาเอาเปรียบเราได้) แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนเราก็อาจ “เหยียบตาปลา” กันได้โดยไม่รู้ตัว ก็คงต้องคิดอภัยกันไป