AREA แถลง ฉบับที่ 18/2556: 5 มีนาคม 2556
“โฉนดชุมชน” แนวคิดทำลายชาติ
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ตามที่มีข่าวความเคลื่อนไหวของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ผลักดันให้ทางราชการออกโฉนดชุมชนให้กับชุมชนแออัด ผมเห็นว่าแนวคิดนี้ ทำลายระบบเอกสารสิทธิ์ของชาติ สร้างความไม่เท่าเทียมกันของประชากรและก่อให้เกิดอภิสิทธิ์ชนในรูปแบบใหม่
ที่ผ่านมาเครือข่ายสลัม 4 ภาค ได้มีข้อเสนอหนึ่งว่า “แก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย ให้เกิดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย มีการรับรองสิทธิในรูปแบบโฉนด (ชุมชน) กรณีที่ดินสาธารณะริมคลอง ยกเลิกนโยบายไล่รื้อที่พัก ชุมชน ด้วยมาตรการกฎหมาย หรือใช้ความรุนแรง กทม.ผ่อนปรนการออกทะเบียนบ้านในโครงการที่อยู่อาศัยคนจน ตามเจตนารมณ์กฎกระทรวง ในพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร”*
กรณีนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในหลักการเอกสารสิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง โดยมีเหตุผลดังนี้:
1. การบุกรุกอยู่อาศัยอยู่อาศัยบนที่ดินของบุคคลอื่นหรือของทางราชการ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทางราชการจะออกมารับรองสิทธิให้ไม่ได้
2. การบุกรุกอยู่อาศัยแบบผิดกฎหมายมาหลายสิบปี ถือว่าได้ “กำไรชีวิต” ไปแล้ว จะให้อยู่ต่อไปอย่างนี้โดยไม่มีที่สิ้นสุดย่อมเป็นไปไม่ได้ สมควรพอ พอเพียงเสียที
3. การบุกรุกอยู่ในใจกลางเมืองอย่างผิดกฎหมายในลักษณะนี้ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนทั่วไปที่ต้องเก็บหอมรอมริบไปซื้อบ้านของตัวเอง อย่างถูกกฎหมายที่ตั้งอยู่นอกเมือง เดินทางออกจากบ้านก่อน 6 โมงเช้า และกว่าจะถึงบ้านก็มืดค่ำ เปลืองเงิน ไม่ปลอดภัยอีกต่างหาก แต่พวกนี้กลับอยู่สบาย ๆ
4. ยิ่งในกรณีที่ดินริมคลอง การบุกรุกสร้างบ้านคร่อมคลอง กีดขวางทางน้ำ ทำให้ชุมชนและสังคมเดือดร้อน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกโฉนดชุมชนให้ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรง
5. แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมายแต่อยู่อาศัยริมคลอง ริมแม่น้ำ ทางราชการยังเวนคืนบ้านพักที่อยู่ริมคลองเหล่านี้เพื่อการสร้างถนนและเขื่อนป้อนกันน้ำท่วม การอยู่กีดขวางสร้างปัญหาต่อส่วนรวมเช่นนี้เป็นสิ่งพึงลด ละ เลิก และจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางราชการพึงเห็นใจและใส่ใจต่อความทุกข์ยากของประชาชนโดยเฉพาะที่ยากจนจริง ๆ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบดูว่าใครจนจริงไม่มีที่ไป ใครไม่ได้จนจริง สำหรับคนจนจริง ๆ ก็ควรจัดหาที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม โดยเฉพาะคนชรา ก็ควรที่จะมีที่พักอาศัยเป็นสวัสดิการสังคม แต่สำหรับผู้เช่าบ้านในชุมชนบุกรุกริมคลอง ก็ควรย้ายออกไปเช่าที่อื่น ส่วนเจ้าของบ้านที่ปล่อยให้เช่าได้ประโยชน์โดยตัวเองไม่ได้อยู่อาศัยมานาน ก็ควรหยุดรับประโยชน์ที่ไม่ชอบเหล่านี้
ทางราชการพึงมีนโยบาย “รื้อแต่ไม่ไล่” สำหรับผู้บุกรุกริมคลองทั้งหลาย คือ เราจะปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างไม่ถูกสุขลักษณะโดยหวังผลทางการเมืองในการลงคะแนนเสียงไม่ได้ ทางราชการไม่ควรช่วยเหลือพวกเขาแบบไม่ยั่งยืนไม่ได้ ยิ่งจะให้ใครมาบุกรุกอยู่อาศัยเอาเปรียบสังคมต่อไปยิ่งไม่ได้ และเพื่อการป้องกันน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ในคลองหรือริมคลองไม่ควรมีบ้านโดยเฉพาะบ้านที่บุกรุกที่ดินบุคคลอื่นหรือทางราชการอยู่
แนวทางใหม่ที่ควรดำเนินการก็คือ ควรสร้างที่อยู่อาศัยให้กับบุคคลที่ถูกรื้อหรือเวนคืนทั้งหลายให้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ถูกเวนคืน จะได้ไม่เดือดร้อนในการย้ายที่อยู่อาศัยไปอยู่ไกล ๆ ไม่รบกวนวิถีชีวิต เช่นที่ย้ายชาวสลัมขึ้นตึกในกรณีของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทำมาแล้วที่คลองไผ่สิงโต โดยสร้างตึกสูงถึง 27 ชั้นมารองรับ ยิ่งกว่านั้นยังต้องป้องกันว่าในกรณีที่ผู้ได้สิทธิไม่อยู่อาศัยเอง และย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว จะปล่อยให้คนอื่นมาเช่า หรือมาอยู่แทนไม่ได้ ต้องยึดคืนมา จะให้ใครมาหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบไม่ได้
การไม่ให้เกิดอภิสิทธิ์แก่บุคคลเฉพาะกลุ่มโดยเฉพาะที่อ้างความจน จะทำให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครได้รับการดูแลโดยเสมอหน้า และทุกภาคส่วนมีกำลังใจสร้างสรรค์กรุงเทพมหานครให้น่าอยู่
* ข่าว “เครือข่ายสลัมยื่น6ข้อให้'สุขุมพันธุ์'แก้”www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20130226/492176/เครือข่ายสลัมยื่น6ข้อให้สุขุมพันธุ์แก้.html ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน |