ทุกวันนี้มีโฆษณาชวนเชื่อมากมายที่สอนให้เราชื่นชมกับความดีจอมปลอม ความดีไร้ราก จนลืมรากเหง้าของปัญหา จนลืมคิดจะแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ปล่อยให้การทุจริตคอร์รัปชันเกลื่อนเมือง
มี post ต่อต้านดราม่า “ชื่นชมได้แต่อย่าโรแมนติไซซ์ โดยบอกว่า เมื่อ 2-3 วันก่อนมีไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อมีนักเรียน 2 คนจากราชบุรี โพสต์ขอบคุณครูคนหนึ่งที่ใช้เงินส่วนตัวซื้อโน้ตบุ๊กให้น้อง ๆ ใช้ในการเรียน ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน. . .ครูทำแบบนี้มานาน 10 ปีแล้ว โดยครูจะเจียดเงินเดือนไปซื้อโน้ตบุ๊กให้นักเรียนที่ขาดแคลน ราคาเครื่องละ 15,000-19,000 บาท ปีไหนเงินไม่พอครูจะทำไร่ที่บ้าน เอาเงินมาสมทบ สามารถซื้อโน้ตบุ๊กให้เด็กได้ปีละ 3-4 เครื่อง เด็ก ๆ บอกว่านอกจากจะได้ใช้ในการเรียนแล้ว ยังใช้รับทำงานพิเศษ สร้างรายได้เสริมแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ด้วย ทำให้คนทั่วประเทศพากันชื่นชมในน้ำใจของครูโอ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามถึงการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนจากภาครัฐ. . .” (https://bit.ly/3evX1vJ)
การทำความดีเป็นสิ่งที่พึงยกย่อง แต่การที่เด็กขาดอุปกรณ์การศึกษาถือว่ารัฐบาลยังทำงานไม่ได้ดีเท่าที่ควร สมัยก่อนเรามีแจก Tablet เพื่อเป็นอุปกรณ์การศึกษา แต่สมัยนี้กลับไม่มี ในการนี้มีผู้เขียนความเห็นใน post ข้างต้นโดยปอกเปลือกความดีจอมปลอมไว้อย่างล่อนจ้อนว่า
“นึกถึงพวกโฆษณาประกันชีวิตเลย จะต้องเอาความ Romanticized มากลบเกลื่อนปัญหาที่แท้จริง
1. เอาภาพเด็กนักเรียน วินมอเตอร์ไซค์ ตำรวจ มาช่วยกันเข็นรถเมล์เก่าๆ ที่จอดเสีย มีข้อความลอยๆว่า “น้ำใจคนไทย” จนลืมนึกไปว่า รถเมล์สมัยพระเจ้าเหา มันไม่สมควรเอามาวิ่งแล้ว
2. เอาหนุ่มสาวออฟฟิศ ทำตาลอยๆ เล่าเรื่อง ลาออกจากงาน มาปลูกผัก เลี้ยงไก่ ทำไร่นาสวนผสมพออยู่พอกินตามอัตภาพ อย่างภาคภูมิใจ ประกอบข้อความลอยๆ "เศรษฐกิจพอเพียง" จนลืมนึกไปว่า เอาเงินจากไหนซื้อที่ดิน เงินไหนซื้อปุ๋ย ซื้อยา ซื้ออาหารไก่ กี่เดือนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิต ระหว่างนี้เอาอะไรแดก
3. เอาภาพพลทหาร ล้อมวงกินต้มฟักกับข้าวเปล่า ที่เทกองๆ บนพื้น ราวกับหมาวัดกินเศษอาหาร ประกอบข้อความลอยๆว่า “รั้วของชาติ” จนลืมนึกไปว่า เงินภาษีก็จัดสรรให้ตั้งเยอะ จนสามารถซื้ออาหารในแพ็คเกจดีๆ หรือ อาหารโภชนาการสูง พกพาสะดวก ทัดเทียมกับทหารของอารยะประเทศแล้วนะ แล้วเงินมันหายไปไหนหมด ทำไมทหารของเราต้องมานั่งแดกข้าวหมากันแบบนี้
ประมาณนี้แหละ เลิกซาบซึ้งกับขยะใต้พรมพวกนี้ซะที”