ท่านทราบหรือไม่ ในช่วง 1 ไตรมาสที่ผ่านมา ราคาเหล็กเพิ่มขึ้นถึง 16% อันนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดบ้าน-อาคารชุดหรือไม่ ราคาบ้านจะขึ้นกระฉูดสวนกระแสเศรษฐกิจตกต่ำหรือไม่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่า คณะทำงานประเมินราคาค่าก่อสร้างอาคาร ของมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ที่ ดร.โสภณเป็นประธานก่อตั้ง ได้ศึกษาพบว่า ราคาเหล็กในไตรมาสที่ 1/2564 (มกราคม-มีนาคม 2564) เพิ่มขึ้นถึง 16% อันอาจส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยหรือไม่
ในการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยโดยรวม สัดส่วนของค่าก่อสร้างขึ้นอยู่กับวัสดุต่างๆ ตามสัดส่วนราคาโดยสังเขป ดังนี้:
ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ | 7.04% |
ซิเมนต์ | 11.92% |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีต | 15.68% |
เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก | 23.59% |
กระเบื้อง | 6.72% |
วัสดุฉาบผิว | 3.47% |
สุขภัณฑ์ | 2.00% |
อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา | 12.48% |
วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ | 17.10% |
รวม | 100.00% |
ในราคาค่าก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย ราคาวัสดุต่างๆ มีการปรับตัวในระหว่างไตรมาสที่ 4/2563 ถึง ไตรมาสที่ 1/2564 (3 เดือนล่าสุด) มีการเพิ่มขึ้นของวัสดุต่างๆ เฉลี่ย +4.48% โดยปัจจัยสำคัญก็คือ ไม้เพิ่มขึ้น + 1.9% ผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพิ่มขึ้น +1.5% เหล็กเพิ่มขึ้น +16.0% อุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น +1.9% วัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพิ่มขึ้น +0.9% ส่วนวัสดุที่มีราคาคงที่ ได้แก่ กระเบื้อง วัสดุฉาบผิว สุขภัณฑ์ และส่วนวัสดุที่ราคาปรับลดลง ได้แก่ ซีเมนต์ ลดลง -0.4% โดยมีรายละเอียดเป็นดังนี้:
ไม้ | 1.90% |
ซีเมนต์ | -0.40% |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีต | 1.50% |
เหล็ก | 16.00% |
กระเบื้อง | 0.00% |
วัสดุฉาบผิว | 0.00% |
สุขภัณฑ์ | 0.00% |
อุปกรณ์ไฟฟ้า | 1.90% |
วัสดุก่อสร้างอื่นๆ | 0.90% |
ดังนั้นจึงทำให้ดัชนีรวมปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 4.48% จะเห็นได้ว่าเหล็กปรับขึ้นสูงสุดที่ 16% ในขณะที่ซีเมนต์ปรับลงไปเป็น -0.4% อย่างไรก็ตามรายการอื่นๆ แทบไม่มีอะไรปรับเปลี่ยนมากนัก
ค่าวัสดุข้างต้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ราคาค่าก่อสร้างยังประกอบด้วยค่าแรง และภาษีและค่าดำเนินการต่าง ๆ ดังนั้นค่าก่อสร้างที่แท้จริง เพิ่มขึ้น +2.89% ในไตรมาสที่ 1/2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ค่าวัสดุ | 60% | 4.48% | 62.69% |
2. ค่าแรง | 20% | 0.00% | 20.00% |
3. กำไร ภาษีและค่าดำเนินการ | 20% | 1.00% | 20.20% |
100.00% | 102.89% |
โดยสรุปแล้วการปรับราคาค่าก่อสร้าง โดยใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างของทางราชการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 มีผลออกมาเพิ่มขึ้นเพียง 2.89%
ยิ่งกว่านั้นในราคาขายบ้านหลังหนึ่ง เช่น บ้านเดี่ยว ตัวอาคารอาจมีราคาเท่ากับหนึ่งในสาม และอีกสองในสามเป็นค่าที่ดิน ถ้าค่าที่ดินไม่ขึ้น แต่ 33.3% ของค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น 2.89% ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นเป็น 34.3% หรือเพิ่มขึ้น 1% เท่านั้น การที่เหล็กขึ้นราคาไป 16% ทำให้ราคาบ้านที่เสนอขายเพิ่มขึ้นจริงเพียง 1% จึงไม่มีนัยสำคัญใดๆ ยิ่งกว่านั้นในขณะนี้ ยังมีบ้านและห้องชุดรอขายในท้องตลาดถึง 226,645 หน่วยนั้นแสดงว่ายังมีอุปทานเหลือในตลาดอีกมากจนไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่มากนัก
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ราคาเหล็กขึ้นราคานี้ก็คงจะยังคงอยู่ต่อไประยะหนึ่ง เพราะในขณะนี้ประเทศจีนฟื้นตัวอย่างมาก จนความต้องการใช้เหล็กมีมากขึ้น นอกจากนั้นประเทศมหาอำนาจเช่นสหรัฐอเมริกา ก็ปรากฏว่าราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 12% ในรอบปีที่ผ่านมา ในยุโรปราคาที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น (ต่างจากในประเทศไทยที่ทรงตัว) จึงคงยังมีความต้องการใช้เหล็กอยู่ไม่น้อยในทั่วโลกเช่นกัน
ผลกระทบของการขึ้นราคาเหล็กอาจส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคในประเทศไทยมากกว่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ดร.โสภณ กล่าวสรุป
สำหรับราคาค่าก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ ในรอบไตรมาสที่ 1/2564 ที่ผ่านมาเป็นดังนี้:
ท่านผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2QCQVS7