หลังจากผ่อนปรนการล็อกดาวน์โควิด ปรากฏว่ามีผู้คนไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัดกันมากมาย  ผมจึงหันกลับมาพักโรงแรมในใจกลางกรุงเทพมหานครแทนทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้าการผ่อนปรนมาตลอด 8 สัปดาห์ ผมออกต่างจังหวัดตลอด

            ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-5 กันยายน 2564) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เลือกมาพักโรงแรมในใจกลางเมืองถนนวิทยุ ถือเป็นโรงแรมแบบกึ่งรีสอร์ตใจกลางเมือง โดยมา WFH (Work from Hotel) และพักผ่อนว่ายน้ำ และทำกิจกรรมต่างๆ อย่างน่าประทับใจ

            โรงแรมที่ผมเลือกพักคือโรงแรมคอนราด อันที่จริงก็มีโรงแรมในระดับใกล้เคียงกันบนถนนราชดำริ หลังสวน วิทยุ และในพื้นที่ใจกลางเมืองอื่นที่มีข้อเสนอที่ดีมากเช่นกัน แต่บังเอิญเลือกที่นี่เสียก่อน คาดว่ายังจะสามารถไปใช้บริการพักโรงแรมใจกลางเมืองได้อีกหลายโรงแรมในช่วงสุดสัปดาห์ถัดๆ ไป  โรงแรมแบบนี้ในแง่หนึ่งก็เป็น Business Hotel สำหรับผู้ที่มาติดต่อธุระในใจกลางเมือง  แต่ในอีกแง่หนึ่ง การจัดภูมิทัศน์และการมีฟิตเนสเซ็นเตอร์อย่างดี (แต่ช่วงนี้ปิด) และการมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ (ซึ่งเปิดให้บริการ) ในสภาพแวดล้อมแบบสวนขนาดใหญ่ เป็นสิ่งจูงใจให้มาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี

            โรงแรมแห่งนี้ให้เช็คอินได้ตั้งแต่ 09:00 น. บางแห่งให้เช็คอินได้ตั้งแต่เช้า เช่น 08:00 น. ด้วยซ้ำไป แถมให้อยู่ต่อในวันรุ่งขึ้นได้ถึง 16:00 น. ในขณะที่บางแห่งให้อยู่ต่อได้ถึง 18:00 น. เลยทีเดียว  ผมเลยได้โอกาสมา WFH (Work from Hotel) ด้วยการมา zoom สอนหนังสือที่สระว่ายน้ำในช่วงแรก และในห้องรับแขกของห้องพักในช่วงที่ 2 ดังนั้นการมาพักผ่อนในโรงแรมนี้จึงถือว่าได้ประโยชน์หลายสถาน

            สำหรับสนนราคาก็เป็นเงิน 4,900 บาท แต่ก็คุ้มเพราะไม่ต้องใช้เวลานานและทรัพยากรมากในการเดินทางไปไกลในต่างจังหวัด ไม่เสี่ยงกับอุบัติเหตุ โดยได้รับอาหารเช้า 2 เช้าในวันไปถึงและวันรุ่งขึ้น มี Afternoon Tea พร้อมของว่างในคลับเฮาส์ มีอาหารค่ำแบบคอกเทล  ในวันกลับ  ยังจะให้ Afternoon Tea เป็นการแถมให้อีก แต่ผมและศรีภริยากลัวอ้วน (ไปกว่านี้) เลยไม่ได้ไปใช้บริการ  พอตอนจ่ายเงิน โรงแรมเขาลดให้อีก 1,000 บาท เหลือเพียง 3,900 บาท โดยถือว่าอาหารเช้าที่เราซื้อเพิ่ม 1,000 บาท เป็นอภินันทนาการ

            อันที่จริง โรงแรมแห่งนี้คิดค่าห้องเพียง 1,900 บาท สำหรับห้องธรรมดา  แต่พอดีภริยาของผมขอห้องพิเศษที่มีห้องรับแขกขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำอย่างดี เลยกลายเป็น 2,900 บาท บวกกับการใช้บริการคลับเฮาส์เป็นกาแฟและของว่างในช่วงบ่ายและอาหารค่ำ จึงเป็น  3,900 บาท และอาหารเช้าเพิ่มเติมในเช้าวันที่ไปถึงอีก 1,000 บาท จึงกลายเป็น 4,900 บาท แต่ในที่สุดก็ได้ส่วนลดเหนือความคาดหมายเหลือเพียง 3,900 บาท

            ในขณะที่คนอื่นออกต่างจังหวัดกันเนืองแน่น มีภาพคนไปเที่ยวเขาใหญ่กันมากมายจนรถติด  ในต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมก็เดินทางไป ปรากฏว่าแทบไม่มีคนเลย หรือไปดูต้นผึ้งยักษ์ที่อุทัยธานี และต้นจามจุรียักษ์ที่กาญจนบุรี ก็ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเพียง 2 คนคือผมและภริยาเท่านั้น  แต่ในเมื่อตอนนี้ใครๆ ก็ไปต่างจังหวัด ภริยาของผมจึงสวนกระแสมาหาที่พักในเมือง ประกอบกับโรงแรมดีๆ หลายแห่งก็เปิดให้บริการด้วยเงื่อนไขที่ดี

            คนกรุงหรือคนต่างจังหวัดก็ควรลองมาพักในโรงแรมในกรุงบ้างก็ได้ เช่น มาไหว้พระในกรุงเทพมหานคร ก็มาพักได้ หรืออยู่เฉยๆ ก็มาพักได้เช่นกัน จะพักโรงแรมริมแม่น้ำดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดิน หรือจะอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจ เห็นตึกสวนใหญ่โตมากมายในป่าคอนกรีตก็ย่อมเลือกได้หมด  และปกติผมก็ไม่เคยคิดจะไปนอนโรงแรมในราคาแสนแพงเช่นนี้ ในช่วงโควิดนี้จึงเป็นโอกาสในทางตรงกันข้าม

            ท่านทราบใช่ไหมว่า โรงแรมหรูๆ ใจกลางเมืองเหล่านี้ปกติราคาแพงหูฉี่  ห้องที่ผมพักคงตกคืนละ 6-7,000 บาทในห้วงเวลาปกติ  แถมในช่วงปกติมีคนเข้าพักประมาณ 70% ของทั้งหมด และราวๆ 60% ของผู้เข้าพักก็เป็นชาวต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันชาวต่างประเทศก็แทบไม่มี อัตราการเข้าพักในช่วงวันธรรมดาอาจเหลือเพียง 20% ในช่วงวันหยุดอาจเพิ่มเป็น 30% เศษ  การจัดการส่งเสริมการขายของโรงแรมชั้นดีในช่วงนี้ จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ยังพอมีอันจะกิน ไปช่วยกันอุดหนุนบ้าง

            เรามาพักโรงแรมในใจกลางเมืองกันเถอะ ยิ่งถ้าเป็นโรงแรมของคนไทยๆ เราเองก็ยิ่งดี เงินทองจะได้หมุนเวียนให้เศรษฐกิจดีขึ้น

https://fb.watch/7SFgps8rsj/