ตั้งแต่ที่รัฐบาลสั่งให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ ปรากฏว่า ดร.โสภณ ไม่เคยได้อยู่เลยโดยเฉพาะในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ต้องออกเดินทางตะลอนทัวร์ตามล่าโควิดมาโดยตลอด และเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าการล็อกดาวน์ไม่ได้ผลอะไร แต่ทำให้เศรษฐกิจของประชาชนย่ำแย่ต่างหาก ดร.โสภณ จึงจะพาทัวร์ในรอบ 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้ไปต่างจังหวัดตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะความจำเป็นต้องไปสำรวจวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่ง และถือเป็นการพักผ่อนทางหนึ่ง โดยตลอดช่วงที่ผ่านไปนั้น แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย นับว่า “ปลอดคน” เป็นอย่างมาก แถมที่พักก็มีราคาถูกเป็นพิเศษ
ศุกร์-เสาร์ที่ 2-3 กรกฎาคม ผมเดินทางไปสำรวจศึกษาเกี่ยวกับสวนทุเรียนที่จังหวัดระยอง โดยขับรถตระเวนเที่ยวไปตามจุดต่างๆ ด้วย แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือการสำรวจวิจัยเบื้องต้นเพื่อการประเมินค่าสวนทุเรียน ซึ่งผมศึกษาเกี่ยวกับการประเมินราคาต้นไม้มาโดยตลอด ปรากฏว่าในคืนวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมนั้น ครั้งแรกกะจะไปพักที่โรงแรมสุดสวยชื่อระยองรีสอร์ต แต่ราคาค่างวดค่อนข้างสูงเกือบ 3,000 บาท และมืดค่ำแล้ว คงไม่ได้ “เสพสุข” กับสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่ควร ก็เลยนอนโรงแรมบูติกทั่วไปชื่อ De'white hotel (https://cutt.ly/aWbGatz) สนนราคาเพียง 600 บาท นับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมากทีเดียว
สัปดาห์ถัดไป คือวันเสาร์-อาทิตย์ 10-11 กรกฎาคม ผมได้ไปสำรวจประเมินค่าที่ดินแถวอยุธยาจนเย็นย่ำแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้ามีเคอร์ฟิวก็คงจะกลับไม่ทัน เลยหาโรงแรมพักในตัวเมืองอยุธยา และได้โรงแรมคุณภาพแห่งหนึ่งอยู่ริมน้ำชื่อ iuDia Hotel (https://cutt.ly/KWbG77t) สนนราคาก็แพงกว่าทั่วไปคือประมาณ 3,000 บาทเศษ พร้อมอาหารเช้าอย่างดี ที่สำคัญยังได้มีโอกาสไปขี่จักรยานชมโบราณสถานในตัวเมืองอยุธยาอีกด้วย นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ไม่ได้ตัดสินใจรีบกลับกรุงเทพมหานคร แต่นอนพักที่โรงแรมดังกล่าว และแม้ในค่ำคืนดังกล่าว ก็ปรากฏว่าห้องพักมีผู้คนจองกันแทบเต็มเหมือนกัน
เสาร์-อาทิตย์ 17-18 กรกฎาคม ผมได้ข่าวว่าสถานการณ์โรงแรมในพัทยากำลังระส่ำอย่างหนัก จึงไปสำรวจดูเรื่องโรงแรม ก็กำลังวางแผนจัดการสัมมนาเรื่องการประเมินค่าโรงแรมในห้วงวิกฤติ จึงไปสำรวจที่นั่น แต่โดยที่ต้องไปใช้เวลาทั้งสองวัน ก็เลยได้มีโอกาสไปพักโรงแรมดีๆ Centara Grand Mirage Beach Resort Pattaya (https://cutt.ly/RWbG9nn) โรงแรมแห่งนี้ปกติราคาสูงมาก แต่ในช่วงโควิด เขาลดราคาเหลือเพียง 3,000 บาทเศษ แถมมีสวนน้ำ-สระน้ำให้เล่นเต็มที่เสียด้วย แต่บรรยากาศที่พัทยานั้นสุดเงียบเหงาจริงๆ
เสาร์-อาทิตย์ 24-25 กรกฎาคม หลังจากสัปดาห์ก่อนไปสำรวจธุรกิจโรงแรมแถวพัทยาแล้ว สัปดาห์นี้จึงเดินทางไปสำรวจที่ฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยบ้าง คือชะอำและหัวหิน และโดยที่ขับรถไป จึงเลือกโรงแรมดีๆ สักแห่งหนึ่งเป็นที่พัก นั่นก็คือ Novotel Hua Hin Cha Am Beach Resort and Spa (https://cutt.ly/4WbHIQK) สนนราคาก็ค่อนข้างถูกคือประมาณไม่เกิน 2,500 บาท พร้อมอาหารเช้าอย่างดีและมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้ออกกำลังกายได้อีกต่างหาก โรงแรมในช่วงโควิดนี้จึงถือว่าถูกมาก แต่ก็ยังมีผู้เข้าพักน้อยมาก
เสาร์-อาทิตย์ 31 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม ในการศึกษาการประเมินค่าโรงแรมอีกพื้นที่หนึ่งที่ควรไปดูก็คือเขาแผงม้าและเขาใหญ่ ผมจึงเดินทางไปดูโดยตรง โดยครั้งแรกจองโรงแรมสุดสวยและโรแมนติกมาก แต่ปรากฏว่าไปถึงมีผมพักอยู่แค่ห้องเดียว ก็เลยเปลี่ยนใจ และโดยที่ในช่วงดังกล่าวนี้คงไม่ค่อยมีใครพัก ดังนั้นระหว่างสำรวจก็สอบถามโรงแรมต่างๆ ไป หลายแห่งที่วิวสุดสวยและน่าพักมาก แต่มีผมแค่ห้องเดียว ก็เลยไม่กล้าพัก แต่มาพบโรงแรมแห่งหนึ่ง มีทั้งสระว่ายน้ำ อาหารเช้าเสิร์ฟถึงห้องพักชื่อ “เวลาเวียน รีสอร์ท” (https://cutt.ly/YWbJ3ng) คืนละ 2,000 บาท สวยมาก ที่สำคัญก็คือมีผู้เข้าพักแทบเต็มอยู่เพียงแห่งเดียว แสดงว่าโรงแรมที่มีการบริหารการขายการตลาดที่ดีก็ยังสามารถ “ไปต่อ” ได้
เสาร์-อาทิตย์ 7-8 สิงหาคม ผมย้อนกลับไปศึกษาต่อเรื่องการประเมินค่าต้นไม้ โดยเดินทางไปสำรวจต้นผึ้งขนาดยักษ์ ในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี หลายท่านอาจไม่เชื่อว่าขณะที่ผมสำรวจอยู่นั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวสักราย ไม่พบชาวบ้านหรือผู้ค้าบริเวณต้นไม้ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเทียวสักรายเดียวเลย เนื่องจากอยู่ในช่วงระบาดของโควิด-19 ในการไปสำรวจครั้งนี้ ผมพบโรงแรมที่สวยและทันสมัยที่สุดในพื้นที่นี้โดยสนนราคาประมาณ 2,500 บาทต่อคืนเท่านั้น แต่ผมพบว่ามีเพียงผมรายเดียวที่น่าจะพักที่นั่น ก็เลยเปลี่ยนใจ และค่อยๆ หาที่พักระหว่างการสำรวจจบพบบ้านสวน รีสอร์ท (https://cutt.ly/LWbKx7r) ในตัวเมืองอำเภอบ้านไร่ซึ่งสวยงามดี แต่ราคาถูกมากเพียงคืนละ 500 บาทเท่านั้น และก็มีผู้เข้าพักไม่กี่ห้องเท่านั้น
เสาร์-อาทิตย์ 14-15 สิงหาคม คราวนี้ผมไปสำรวจตลาดการค้าชายแดนกัมพูชา ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีการระบาดของโควิดตามแนวชายแดนมาก ทำให้ตลาดการค้าซบเซาลง แต่ล่าสุด (3 กันยายน 2564) กัมพูชาฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปแล้วถึง 52% ในขณะที่ไทยยังฉีดได้แค่ 11% เท่านั้น ในวันสำรวจตลาดโรงเกลือไม่ได้เปิดดำเนินการ แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือในเมืองปอยเปตฝั่งกัมพูชา มีการพัฒนาที่คึกคักมาก มีอาคารสมัยใหม่สูงใหญ่มากมาย แต่ในฝั่งไทยแทบไม่ได้พัฒนาเลย เงินที่ใช้พัฒนาเหล่านี้ก็มาจากเงินการพนันจากคนไทยทั้งนั้น แต่การที่ไทยห้ามมีกาสิโน จึงทำให้เม็ดเงินไหลออกไปมากมายอย่างน่าเสียดาย ที่อรัญประเทศและวัฒนานครมีที่พักเหมือนกันแต่เป็นขนาดเล็กๆ ที่มีคุณภาพก็ปิดไปในช่วงโควิด ผมจึงกลับมาพักที่ตัวเมืองสระแก้ว โดยพักที่โรงแรมโรงแรมฮ็อปอินน์ (https://cutt.ly/HWbKZBp) ซึ่งเป็นโรงแรมมาตรฐานมีสาขาทั่วประเทศในสนนราคาเพียงคืนละ 600 บาทเท่านั้น
สำหรับสุดสัปดาห์ที่ 8 สุดท้ายในรายการตะลอนทัวร์ คือ เสาร์-อาทิตย์ 21-22 สิงหาคม ผมย้อนกลับไปศึกษาเรื่องต้นไม้อีกครั้งหนึ่งโดยเดินทางไปดูต้นจามจุรียักษ์ที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึงประมาณ 2 ไร่ ในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี ปรากฏว่าเมื่อไปถึงไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ถ่ายรูปอะไรไม่มีใครบังวิวทั้งสิ้น เพราะอยู่ในช่วงของการระบาดของโควิด-19 และในครั้งนี้ผมได้พักที่โรงแรมสุดหรูชื่อ Cross River Kwai (formerly X2 River Kwai) (https://cutt.ly/kWnfq2N) ซึ่งปกติห้องที่ผมพักน่าจะมีราคา 7,500 บาทแต่ได้ลดเหลือราว 4,500 บาท แต่ที่น่าสังเกตก็คือโรงแรมแห่งนี้มีผู้พักเต็มทุกห้อง แสดงว่าการบริหารจัดการที่ดีก็ยังสามารถธุรกิจรอดพ้นโควิดไปได้
จะเห็นได้ว่าในห้วงที่ทางราชการประกาศให้อยู่บ้าน แต่โดยที่มีความจำเป็นต้องออกไปศึกษาเพื่อนำข้อมูลมาประกอบการบรรยายหรือการทำงาน ผมก็ยังเดินทางไปทุกสัปดาห์ตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้ปรึกษากับทางราชการแล้วว่าหากได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มคือแอสตราเซเนกา หรือฉีดซีโนแวคครบ 2 เข็มแล้วก็สามารถเดินทางได้ แต่ระหว่างการเดินทางก็กลับปรากฏว่าไม่มีการตรวจสอบใดๆ หลายแห่งมีเตนท์แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือมีเจ้าหน้าที่แต่ไม่มีการตรวจ (คาดว่าคงเน้นตรวจในช่วงเวลากลางคืน)
การล็อคดาวน์เป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนขาดรายได้ ยากจนลง ร้านค้าต่างๆ ก็แทบจะเปิดไม่ได้ เป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง หากไทยมีการฉีดวัคซีนกันครึ่งค่อนประเทศเช่นประเทศเพื่อนบ้าน ก็คงรอดพ้นปัญหาแล้ว แต่ไทยยังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเพียง 11% แสดงว่าหายนะจากโควิดยังอยู่ไม่ไกล