มีผู้ถามผมหลายรายเกี่ยวกับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน จะถึงกาล “ฟองสบู่แตก” หรือไม่ ผมจึงไปถามผู้รู้หลายท่านมาสรุปให้ท่านฟัง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สัมภาษณ์ท่านผู้เกี่ยวข้องในวงการอสังหาริมทรัพย์จีน พอสรุปให้เห็นได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนมีสิทธิ์ที่จะเกิดฟองสบู่แตกในไม่ช้า
แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่จากมาเลเซียที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนกล่าวว่าภายในเวลาไม่เกินตรุษจีนนี้ น่าจะมีบริษัทที่ดินยักษ์ใหญ่อีก 4-5 แห่งในประเทศจีนล้มไปตาม บจก.เอเวอร์แกรนด์กรุป (Evergrande) ในขณะนี้ในประเทศจีนมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หยุดกิจการ หยุดการขายไปประมาณ 14,000 แห่งแล้ว (แม้จะมากแต่ก็ไม่น่าจะมากมายอะไรเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร) ในปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนขอให้บริษัทต่างประเทศที่เข้าไปลงทุนในจีนอนุญาตให้จัดตั้งเครือข่ายพรรคในบริษัทด้วย เพื่อการติดตามการทำงานของภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ในจีนกำลังมีการต่อสู้กันภายในพรรคเพราะจะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและในคณะกรรมการกลางพรรคในปี 2565 และมีหลายฝ่ายไม่ต้องการให้นายสีจิ้นผิงอยู่ต่อ บริษัทต่างชาติหลายแห่งมีแนวโน้มจะย้ายออกจากจีน
ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในฮ่องกงให้ข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจจีนคงไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้ภาวะ “ฟองสบู่แตก” ในจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างแน่นอน ค่าเงินหยวนไม่ใช่ค่าเงินนานาชาติ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล จะแปรวิกฤติให้มีขนาดเท่าไหร่ก็ได้ตามความต้องการของรัฐบาล รัฐบาลคงไม่ยอมให้ประชาชนที่ลงทุนไปเดือดร้อน หรือสูญเปล่าอย่างแน่นอน คงต้องมีมาตรการช่วยชดเชยจากทางราชการเพื่อลดทอนปัญหา “ฟองสบู่แตก”
ส่วนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่พาชาวจีนมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงและประเทศในอาเซียนกล่าวว่า เป็นไปได้ที่จะมีบริษัทอีกหลายแห่งล้มตามๆ กันมา แต่ในกรณีของประชาชน รัฐบาลจีนคงไม่ปล่อยให้รับเคราะห์ คงมีการ “เยียวยา” หาไม่จะกลายเป็นปัญหาความมั่นคงทางการเมืองในอนาคตได้ ในขณะนี้ประชาชนจีนจำนวนมากอึดอัดที่จะอยู่ในประเทศจีน ต่างแสวงหาโอกาสการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ดังนั้นกำลังซื้อจากจีนยังแรงอยู่โดยเฉพาะฮ่องกง ซึ่งได้รับอานิสงส์สูงมาก อย่างไรก็ตามในกรณีบริษัทลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนที่ไปลงทุนในประเทศอื่น ก็อาจอ่อนแรงลงไปบ้าง
นักลงทุนชาวไต้หวันรายหนึ่งก็กล่าวว่า สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนค่อนข้างรุนแรง ผู้ลงทุนต่างวิตกกังวลกับเงินลงทุนที่อาจจะสูญไปหากบริษัทใหญ่ๆ ในจีนทยอยปิดตัวลงเพราะต่างลงทุนเกินตัวกันทั้งนั้น สถานการณ์ในลักษณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านในแง่ที่การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่จีนมาลงทุนในไทยหรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นอาจชะลอตัวลง และประสบปัญหาเช่นเดียวกับบริษัทแม่ในประเทศจีน เพราะเงินหมดนั่นเอง
ความจริงของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงต้องค่อยๆ ติดตามกันต่อไป