ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 หดหนักมาก
  AREA แถลง ฉบับที่ 739/2564: วันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

             ปี 2564 เปิดตัวโครงการไม่ถึง 50,000 หน่วยแน่นอน คาดว่าปี 2565 น่าจะฟื้นตัว แต่ยังไม่เท่าปี 2563 การฟื้นตัวอาจจะมาถึงในปี 2566-7

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้รวบรวมข้อมูลการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในช่วงปี 2560-2563 และประมาณการปี 2564 รวมทั้งการคาดการณ์ในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มเห็นการฟื้นตัว แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีก่อนที่จะฟื้นเท่าก่อนช่วงโควิด-19

 

อุปทานที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พ.ศ.2560-2565  

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
                          บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th)                          

 

            จะเห็นได้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปี 2561 เป็นช่วงที่ขึ้นสูงสุดถึง 565,810 ล้านบาท หรือประมาณ 0.4% ของ GDP ในปีดังกล่าว รวมจำนวนหน่วยเปิดใหม่ถึง 125,118 หน่วย และราคาเฉลี่ยสูงถึง 4.522 ล้านบาทต่อหน่วย  ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะการระดมสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทำให้โอกาสและความหวังของประเทศดูดีขึ้น  อย่างไรก็ตามในปี 2562 ก็ค่อยๆ หดตัวลงเล็กน้อย ในช่วงปลายปี 2562 ปรากฏว่าได้เริ่มเห็นการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในกรณีของตลาดอาคารชุดโดยเฉพาะอาคารชุดในเขตใจกลางเมือง

            ประมาณการว่าตลาดอาคารชุดในใจกลางเมืองนั้นราวๆ 70% เป็นการพัฒนาขายให้กับผู้ซื้ออยู่อาศัยจริง และราว 20% ขายให้กับนักเก็งกำไรหรือนักลงทุนไปขายต่อหรือปล่อยเช่า และอีกราว 10% ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ  ทั้งนี้มูลค่าของนักลงทุนต่างชาติซื้ออาจจะสูงกว่า 10% คือราวๆ 15% ทั้งนี้เพราะต่างชาติซื้อห้องชุดในราคาที่สูงกว่าคนไทย แต่ก็ไม่มีความแตกต่างกันที่มีนัยสำคัญมากนัก

            ในปี 2564 คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทุกประเภทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีประมาณ 47,349 หน่วย ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเพราะปัญหาการระบาดของโควิด-19 นั่นเอง  ในกรณีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกัน 224,640 ล้านบาท แต่ราคาเฉลี่ยสูงขึ้นไปถึง 4.744 ล้านบาทต่อหน่วย เพราะเน้นสร้างที่อยู่อาศัยที่มีราคาค่อนข้างสูง ผู้มีรายได้สูงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยกว่าผู้มีรายได้น้อย

            อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2565 จำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่น่าจะมีถึง 61,554 หน่วย หรือเกือบเท่าปี 2563 ที่เปิดถึง 73,043 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาประมาณ 264,683 ล้านบาท ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในปี 2565 น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ล้านบาทต่อหน่วย  ทั้งนี้เพราะยังเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้สูงและปานกลางค่อนข้างสูง  แต่จากการผ่อนคลายต่างๆ ก็จะทำให้เศรษฐกิจพอเดินหน้าต่อไปได้บ้าง

            ดร.โสภณคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะฟื้นตัวเท่ากับระดับปี 2562 หรือก่อนการระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2567 เมื่อเศรษฐกิจฟื้นคืนสมบูรณ์แล้ว  แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องการเมือง และที่สำคัญการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทยกำลังหดตัวลง  กิจการอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศอื่นในอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนาม และอินโดนีเซีย การนี้อาจทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สดใสดังเดิม

            เมื่อราคาที่อยู่อาศัยในตลาดสูงขึ้น อาจเกิดแนวโน้มสองทางคือ ทางหนึ่งจะมีการสร้างบ้านเพื่อการเช่ามากขึ้น ผู้มีรายได้น้อยจะมีโอกาสซื้อบ้านได้น้อยลง  อีกทางหนึ่งบ้านมือสองอาจจะเติบโตมากขึ้น เพราะบ้านมือสองในมือผู้ซื้อไปแล้ว มักจะมีราคาถูกกว่าบ้านในโครงการจัดสรรหรือโครงการอาคารชุดใหม่ๆ จึงดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้มากขึ้นในอนาคต

 

อ่าน 2,431 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved