ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

          ฮ่องกงจะมีการขยายตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในอนาคต แต่ฮ่องกงก็จะสามารถพึ่งตัวเองได้มากขึ้น และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความมั่นคงด้วยมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไทยควรศึกษาเป็นเยี่ยงอย่างเพื่อความมั่นคงของตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับทุกฝ่าย
เศรษฐกิจฮ่องกงยังเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่ช้าเพียงประมาณ 1.4% อย่างไรก็ตามตลอดสิบปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4.5% ต่อปี และมีอัตราเงินเฟ้อประมาณ 3.8% รวมทั้งอัตราการว่างงานประมาณ 3.3% ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 น่าจะชะลอตัวลง
          ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต้นปี 2555 ดูท่าจะดีเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและมีการซื้อขายเป็นจำนวนมากประกอบกับรัฐบาลก็ส่งเสริมการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย แต่มาในปลายปีมีมาตรการการจำกัดสินเชื่อเพื่อผ่อนคลายความร้อนแรงของตลาดจึงทำให้การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดลง ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนของตลาดในปี 2556 และเชื่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำยังจะดำรงอยู่ต่อเนื่องถึงปี 2558 ยิ่งกว่านั้นวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงดำรงอยู่อีกนานพอสมควร ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของฮ่องกงชะลอตัว เพราะเศรษฐกิจของฮ่องกงขึ้นอยู่กับการส่งออก นอกจากนั้นรัฐบาลยังมีมาตรการควบคุมการล้นตลาดของอสังหาริมทรัพย์จึงอาจส่งผลลบต่อการเติบโตอยู่พอสมควร
          ในภาคที่อยู่อาศัยในปี 2555 มีการซื้อขายที่อยู่อาศัยประมาณ 81,333 หน่วย และในปี 2556 ตลาดที่อยู่อาศัยจะเพิ่มความโปร่งใสมากขึ้น และเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งนี้เพราะรัฐบาลจะได้ออกมาตรการการขายและการเปลี่ยนมือที่อยู่อาศัยเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 เป็นต้นไป การสร้างความโปร่งใสนี้จะยิ่งทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีความมั่นใจในตลาดมากขึ้น อันเป็นการส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในระยะยาว
          ในส่วนของอาคารสำนักงาน ตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอ มีอัตราว่างประมาณ 6.4% ซึ่งถือว่าไม่มากนัก สำหรับกรณีประเทศไทยอัตราว่างน่าจะเกิน 15% ในปี 2555 มีพื้นที่สำนักงานสร้างเพิ่มขึ้น 135,700 ตารางเมตร อย่างไรก็ตามในปี 2556 จะมีอาคารสำนักงานสร้างเพิ่มขึ้นอีก 157,800 ตารางเมตร และอีก 158,900 ตารางเมตร ในปี 2557 สำหรับราคาอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นถึง 21% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
          ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีอัตราว่างประมาณ 752,400 ตารางเมตร หรือ 6.9% ของทั้งหมดซึ่งถือว่าไม่มากนักเพราะฮ่องกงเป็นเมืองท่องเที่ยวจึงมีพื้นที่ค้าปลีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในอนาคตยังจะมีพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มเติมอีก 58,200 ตารางเมตรในปี 2556 และ 59,600 ตารางเมตรในปี 2557 สำหรับค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในฮ่องกงยังเพิ่มขึ้น 13% ต่อปี
          และในส่วนพื้นที่อุตสาหกรรมในฮ่องกงขณะนี้พบว่ามีความขาดแคลนพื้นที่อุตสาหกรรม แม้ว่าอุตสาหกรรมหลายส่วนจะย้ายออกไปยังประเทศจีน แต่ในฮ่องกงเองก็มีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเป็นอันมาก ในปี 2555 มีอาคารชุดอุตสาหกรรมซึ่งหมายถึงโรงงานที่แบ่งขายหรือให้เช่าเป็นชั้น ๆ แบบห้องชุด มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึง 46,200 ตารางเมตร ขณะที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมาการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเพียง 15,000 ตารางเมตรต่อปี สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมในฮ่องกงเองกลับขยายตัวซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
          โดยสรุปแล้วหากพิจารณาถึงราคาที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหัวใจหลักของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงจะพบว่าได้ตกต่ำอย่างสุดขีดในปี 2540 และเริ่มฟื้นตัวในปี 2547 จนถึงปี 2551 จึงตกต่ำลงอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ แต่ระยะเวลาไม่นานราคาที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้นอีกจนถึงปัจจุบัน และยังเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2556 เพียงแต่ ณ อัตราการเพิ่มที่ลดต่ำลง
          สิ่งสำคัญที่จะช่วยจรรโลงความมั่นคงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็คือการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ซึ่งประเทศไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ในกรณีประเทศไทยแม้มีพระราชบัญญัติคุ้มครองผลประโยชน์ของคู่สัญญาเมื่อพ.ศ.2551 แต่ก็เป็นเพียงกฎหมายกำมะลอแบบศรีธนญชัย เพราะไม่ได้เป็นกฎหมายภาคบังคับ แต่แล้วแต่สมัครใจ จึงไม่มีใครปฏิบัติ ผู้บริโภคจึงเสียเปรียบ ผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็กก็เสียเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะไม่มีแบรนด์ (จอมปลอม) การสร้างความมั่นใจกับผู้ซื้อ

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน