ธุรกิจสุขภาพหรือ Wellness Business เป็นเมกะเทรนด์ที่เติบโตได้ดีทั่วโลกสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา โดยเฉพาะหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯต้องเร่งปรับรูปแบบสินค้าและบริการผุดโครงการใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจใหม่จากการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลศูนย์ดูแลสุขภาพโครงการอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมหรือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ Telemedicine เป็นต้น
Wellness เค้กก้อนใหญ่โอกาสของธุรกิจอสังหาฯ
แนวโน้มธุรกิจ Wellness ที่มาแรงทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 145 ล้านล้านบาทในปี 2563 โดยแบ่งออกเป็นหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพความงามการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (Wellness Real Estate) ซึ่งเติบโตได้ดี 22% ต่อปีขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลง -2.5% ต่อปีจากพิษโควิด-19 ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2563 ตามรายงานของ Global Wellness Institute โดยปัจจุบันอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมมีมูลค่าสูงถึง 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 ล้านล้านบาท) ในปี พ.ศ.2563 จากเดิม 148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ในปีพ.ศ. 2560
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็กเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัททุ่มงบประมาณในการลงทุนโครงการสูงเนื่องจากเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตามมายิ่งในภาวะที่ตลาดอสังหาฯหดตัวธุรกิจอสังหาฯจึงต้องปรับตัวให้พร้อมเพื่อเจาะกลุ่ม Real Demand หาตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ส่งผลให้ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องเปรียบเสมือนเค้กก้อนใหญ่ที่ยังมีผู้เล่นไม่มากนัก
มูลค่าของธุรกิจ Wellness ในวงการอสังหาฯไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดหากนับเพียง 8 โครงการจากบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ของประเทศก็มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทแล้วยังไม่รวมโครงการอสังหาฯที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาได้สอดแทรกการดูแลสุขภาพไว้ในรายละเอียดการออกแบบหรือเพิ่มบริการเทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาในโครงการไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโรงแรมทั่วไปที่เพิ่มบริการดูแลสุขภาพและฮอสพิเทลศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรและเทคโนโลยีด้านสุขภาพทั้งนี้หากนับรวมโครงการเหล่านี้มูลค่าของตลาด Wellness จะใหญ่กว่านี้มาก
ความร่วมมือนำไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่
ที่น่าสนใจคือบริษัทอสังหาฯหลายรายไม่ได้หันมาทำโครงการหรือสร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพียงลำพังแต่เกิดจากความร่วมมือกับธุรกิจสุขภาพเช่นโรงพยาบาลคลินิกศูนย์ดูแลผู้สุงอายุต่าง ๆ เพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เช่น
บริษัทแมกโนเลียควอลิตี้ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น (MQDC)ผู้พัฒนาโครงการเดอะฟอเรสเทียสซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 125,000 ล้านบาทโดยมีพันธมิตร Baycrest Global Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองและการดูแลผู้สูงวัยชื่อดังระดับโลกที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปีจากประเทศแคนาดามาเป็นที่ปรึกษาและสร้างโปรแกรม Health and Wellness Activity ในลักษณะ Preventive Care หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ทั้งการลดปัจจัยและความเสี่ยงการเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย และอีกหลายองค์ความรู้ที่นำมาผนวกเข้ากับการแพทย์ในเมืองไทยและเอเชีย เพื่อสร้างสุขภาพกายและสมองที่แข็งแรงและใจที่เป็นสุขแก่ผู้สูงวัย” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโครงการดิแอสเพนทรี The Aspen Tree ซึ่งให้บริการในรูปแบบคอนโดผู้สูงอายุอีกด้วยนอกจากนี้ยังจับมือกับเมืองไทยประกันชีวิตออกแบบประกันชีวิต "อีลิทเฮลท์" คุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่หลังเซ็นสัญญาและช่วงการก่อสร้างโครงการฯและจะเพิ่มความคุ้มครองเป็น 40 ล้านบาทต่อปีเมื่อโครงการฯแล้วเสร็จและโอนสิทธิการเช่าสำเร็จโดยมีความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปีสำหรับลูกบ้านโครงการดิแอสเพนทรี
บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หันมาจับธุรกิจสุขภาพเปิดตัวโรงพยาบาลวิมุตซึ่งเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2560 ด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาทและเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการทำธุรกิจสุขภาพรับเมกะเทรนด์สุขภาพและสังคมผู้สูงวัยเป็นแหล่งรายได้ประจำใหม่ (Recurring Income) ในพอร์ตของบริษัทที่แต่เดิมเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 100% โดยมีแนวคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัย ด้วยบริการ Nursing Home และโครงการ ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวนซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาทเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลายอาทิคลินิกศูนย์กายภาพศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุรวมถึงบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565 โดยปัจจุบันโรงพยาบาลสามารถทำร้านได้ทะลุเปิดเดิม 375 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทและตั้งเป้าเติบโตราว 15-20% ในปีถัดไป
มนทาระฮอสพิตาลิตี้กรุ๊ปกลุ่มธุรกิจบริการด้านโรงแรมและที่พักระดับ Ultra Luxury เปิดตัวโครงการ “ตรีวนันดา” (Tri Vananda)ในจังหวัดภูเก็ตเป็นโครงการที่พักอาศัย Wellness Community ที่ดีแบบองค์รวมผสานแนวคิด Integrative Wellness Community แห่งแรกของเอเชียเดินหน้าขับเคลื่อน Phuket Medical Hub หนุนไทยก้าวสู่ “ศูนย์กลางด้านดูแลสุขภาพโลก” โดยโครงการสร้างบนพื้นที่ 600 ไร่ใช้งบลงทุนราว 6,600 ล้านบาทประกอบด้วย 3 โซนหลักได้แก่โซนที่พักอาศัยรีสอร์ทเพื่อสุขภาพและสวนพฤกษศาสตร์โดยบริษัทใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างเพียง 15% ส่วนพื้นที่ทั้งหมดยังคงเหลือพื้นที่ส่วนใหญ่ ไว้เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสร้างสมดุลของแก่ระบบนิเวศน์อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะทะเลสาบทั้ง 9 แห่งที่โอบล้อมรอบที่พักอาศัยมีระบบไฟฟ้าจากแสงแดดและการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบด้วยกลไกทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถนำน้ำมาใช้ในโครงการและเอื้อประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง
บริษัทซิซซากรุ๊ปจำกัดผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) เปิดตัวโครงการ“นาใต้เมดิคอลเซ็นเตอร์แอนด์รีสอร์ท”ศูนย์การแพทย์และความงามระดับเวิลด์คลาสควบคู่รีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวริมหาดส่วนตัวรับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพที่มาแรงทั่วโลกสอดคล้องกับเป้าหมายที่ประเทศไทยจะเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติโดยที่ดินแปลงนี้ถูกเทคโอเวอร์จากเจ้าของเดิมและซื้อที่ดินเพิ่มรวม 71 ไร่ริมหาดนาใต้จ.พังงาโดยประเมินงบลงทุนโครงการราว 4.6 พันล้านบาทแบ่งการพัฒนาเป็น 7 โซนประกอบไปด้วย Life Clinic & Well-Being Resort ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียมควบคู่กับรีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวห้องพักและพูลวิลล่ารวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิตนำร่องเปิดปลายปี 2564 เฟสถัดไปคือ "เมดิคัลเซ็นเตอร์" ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์และการวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเวชศาสตร์การกีฬาชะลอวัยบริการ IVF และศูนย์กัญชาบำบัดเป็นต้นคาดแล้วเสร็จทั้งโปรเจกต์ในปี 2568
บริษัทณุศาศิริจำกัด (มหาชน)ชูแผนธุรกิจใหม่สร้างอาณาจักร Medical and Wellness ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจได้แก่โรงพยาบาลแฟรนไชส์แพลตฟอร์มออนไลน์และผลิตภัณฑ์เพื่อหาตลาดกลุ่มใหม่หลังขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ณุศาศิริมีประสบการณ์ในธุรกิจสุขภาพมาแล้วในจีนเมื่อปีพ.ศ. 2563 ที่บริษัทเข้าซื้อแฟรนส์ไชส์โรงพยาบาลจากเยอรมนีเพื่อรุกทำตลาดสุขภาพในประเทศจีนสร้างรายได้และผลกำไรมากกว่า 4 ล้านหยวนในระยะเวลาเพียง 5 เดือน จากนั้นจึงต่อยอดเป็นแพลตฟอร์มช่วยแปลภาษาต่างชาติเป็นภาษาจีนและช่วยเรคคอร์ดข้อมูลให้กับลูกค้าที่เข้ารักษาตัวสามารถสื่อสารกับแพทย์ต่างชาติได้ เมื่อธุรกิจโรงพยาบาลในจีนเริ่มอยู่ตัว ณุศาศิริขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อแบรนด์โรงพยาบาลพานาซีในเยอรมนีและประเทศไทย ซึ่งดำเนินการเข้าซื้อเป็นที่เรียบร้อยและคาดว่าจะสามารถรวมเข้ากลุ่มธุรกิจได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 โดยใช้งบรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ณุศาศิริยังมุ่งไปทางด้านการรักษาผู้ป่วยด้วยสารแคนนาบินอยด์โดยจับมือกับบริษัท CSR จากประเทศจีนทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทปั้น Medical Technology ลุยธุรกิจ “กัญชากัญชง” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกหมวดทั้งสกินแคร์เครื่องดื่มและอาหารเสริมฯลฯที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงผ่านทุกช่องทางทั้งในประเทศและต่างประเทศขณะเดียวกันณุศาศิริยังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสุขภาพในนาม “ณุศาเทค” โดยใช้ AI วิจัยและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทยอาทิ “MORHELLO” ที่ดึงกลุ่มแพทย์ทั้งในและต่างประเทศที่มีความสนใจในการรักษาโดยใช้สารแคนนาบินอยด์
บริษัท มั่นคงเคหะการจำกัด (มหาชน) ร่วมพันธมิตรศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัยไวทัลไลฟ์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และบมจ.ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโครงการ“รักษ” (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่บนคุ้งบางกะเจ้าสมุทรปราการโดยตั้งเป้าให้เป็น “World Class medical wellness destination” มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาทโดยในพื้นที่เฟสแรก 60 ไร่ประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (เปิดให้บริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆแวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทเป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืนส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืนขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไรเช่นโปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหารโปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกันโปรแกรมควบคุมน้ำหนักโปรแกรมผ่อนคลายความเครียดราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืนโครงการนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบมจ. มั่นคงเคหะที่ต้องการพัฒนาธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 50/50 และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆที่ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพอย่างเต็มตัว
บริษัทศุภาลัยจำกัด (มหาชน)ได้พัฒนาโครงการ “ศุภวัฒนาลัย” (Supalai Wellness Valley)หมู่บ้านสำหรับ “สังคมผู้สูงวัย 50+" โดยมีเนื้อที่ขยายจากโรงแรมป่าสักสระบุรีที่มีอยู่ 189 ไร่บนโค้งแม่น้ำป่าสักโครงการนี้เกิดจากแนวคิดของคุณประทีปตั้งมติธรรมประธานกรรมการบมจ. ศุภาลัยเพื่อตอบรับสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย เพื่อสร้างต้นแบบของการใช้ชีวิตของสังคมผู้สูงวัยยุคใหม่ที่มีการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์สังคม โดยเริ่มต้นยังไม่ได้มองถึงผลทางธุรกิจโครงการศุภวัฒนาลัยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีดั้งเดิมในรีสอร์ทได้แก่ร้านอาหารพื้นที่ออกกำลังกายสวนและสปารวมทั้งเพิ่มบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุได้แก่มีพยาบาลดูแลรักษาความปลอดภัยสิ่งอำนวยความสะดวกการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัยเช่นประตูห้องนอนและห้องน้ำบานเลื่อนมีราวจับแพทย์หรือพยาบาลประจำรองรับเหตุฉุกเฉินพร้อมนำส่งโรงพยาบาลมีกิจกรรมสันทนาการมีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีติดตามตัวคอยเรียกได้ตลอด 24ชม ในโครงการมีบ้านพักรวม 144 ยูนิตมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาทเบื้องต้นจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 4 เฟสโดยเฟสแรก 65 ยูนิตพร้อมเข้าอยู่ในปีพ.ศ. 2563
บริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งจำกัด (มหาชน)ผู้เชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับเดอะแคร์แอนด์เฮลธ์กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกอบรมบุคลากรทางด้านสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน พัฒนาโครงการ “ศิริอรุณแคร์” ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาทโดยมี 2 สาขาในกรุงเทพฯและ 1 สาขาในอุบลราชธานีโดยให้บริการดูแลผู้อยู่ในระยะพักฟื้นและผู้สูงอายุเน้นให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกายและจิตใจโดยการวางแผนการดูแลให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและสถานะสุขภาพเฉพาะราย
บริษัทออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน)ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่ “Wellness Residences” สร้างความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม (Well-being) ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีการบริการและการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการมีสุขภาพที่ดี โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้เครือพาร์คลักชัวรี่ (Park Luxury) อาทิโครงการไนท์บริดจ์สเปซพระราม 4 โครงการโซโหแบงค็อกรัชดารวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างพาร์คออริจิ้นพร้อมพงษ์นอกจากนี้ลูกบ้านทุกโครงการในเครือพาร์คลักชัวรี่จะได้รับบัตร ORIGIN Samitivej Club รับส่วนลดพิเศษเมื่อเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทและศรีนครินทร์และสามารถเข้าถึงบริการ Samitivej Virtual Hospital ผ่านแอป Origin Connect ร่วมกับนวัตกรรมชุดตรวจสุขภาพเบื้องต้น TytoCareและมีการจัดคอร์สดูแลสุขภาพที่สามารถใช้บริการได้ภายในโครงการโดยวิทยากรจากสมิติเวชอีกด้วย ขณะเดียวกัน จะมีการอำนวยความสะดวกและมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการสุขภาพต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นบ้านจัดสรรเครือบริทาเนีย (Britania) บริการ FitLAB บริการสำหรับลูกบ้านที่รักการออกกำลังกายรวมถึงผู้สูงอายุที่อยากจะออกกำลังกายด้วยเป็นตัวที่จะเข้ามาช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้นถูกต้องถามสรรถภาพของร่างกายรวมถึงยังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายอีกด้วยโดยจะเริ่มในโครงการเบลกราเวียเอ็กซ์คลูซีฟพูลวิลล่าบางนา-พระราม 9 โครงการบ้านจัดสรรแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Wellness Technology ในวงการอสังหาฯ
นอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาฯที่อยู่อาศัยต่าง ๆ แล้วยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในยุคนี้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมหรือเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (TeleMedicine) ที่จะทำให้คนสะดวกต่อการใช้ชีวิตมากขึ้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลสอดรับกับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพและสังคมผู้สูงวัยซึ่งมีบริษัทรายใหญ่หลายรายก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้ได้แก่
บริษัทดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน)จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชพัฒนาแพลตฟอร์มWHAbit ล่าสุดได้ประกาศลงนามในบันทึกความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาดิจิทัลเฮลธ์แคร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการและโซลูชันการดูแลสุขภาพสำหรับพนักงานและลูกค้าทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์เซ็นเตอร์และอาคารสำนักงานของดับบลิวเอชเอผ่านแพลตฟอร์ม WHAbit ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถจัดการสุขภาพได้ โดยปรึกษาแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรค การรักษาและการจ่ายยาได้อย่างสะดวกสบายโดยดับบลิวเอชเอกรุ๊ปมีแผนที่จะนำแอปพลิเคชัน WHAbit นี้มาให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าหรือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอภายในไตรมาส 3 ปี 2565
เป็นที่น่าจับตามองว่าแนวโน้มธุรกิจสุขภาพ Wellness ในวงการอสังหาฯของประเทศไทยจะเติบโตไปในทิศทางใดจากที่ได้เห็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รวมทั้ง Startup ต่างพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เข้ามามากมายซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตการดูแลสุขภาพของเรา ในอนาคตที่อยู่อาศัยทุกแห่งอาจเชื่อมกับโรงพยาบาลด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ทุกคนจะสามารถติดต่อตรวจสุขภาพสั่งยาจากบ้านโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่สามารถดูแลรักษาตัวเองจากที่บ้านหรือมีบริการทางการแพทย์เดินทางมาหาเราเองได้ง่าย ๆ รวมไปถึงอสังหาฯอื่น ๆ ก็อาจให้บริการได้มากกว่าเดิมบ้านอาจไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยโรงแรมไม่ได้เป็นแค่สถานที่พักผ่อนแต่สามารถให้บริการด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์เบื้องต้นได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวเลยแต่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยของเรานี้เอง
งานสัมมนาออนไลน์ The future of Wellness Real Estate
สำหรับคนที่อยากอัพเดทเทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ ที่อยู่อาศัย โรงแรม
ดูรายละเอียด >> https://bit.ly/3MvgCfq
บทความโดย คุณน้ำทิพย์ พรโชคชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. AREA Research
ที่มา: