บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 บริษัทพัฒนาที่ดินที่เปิดตัวสูงสุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในไตรมาสที่ 1/2565 ตามาด้วย “แสนสิริ” “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” และ “เอพี (ไทยแลนด์)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่า จากผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาสที่ 1/2565 พบว่า บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดตัวโครงการจำนวน 4 โครงการ รวมจำนวน 3,223 หน่วย ถือเป็นอันดับหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 12,451 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขายในราคา 3.863 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่มีราคาปานกลางเป็นหลัก
ในปี 2564 บริษัทอันดับหนึ่งคือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท อย่างไรก็ตามในช่วงแรกๆ ของปี 2564 บริษัทดังกล่าวก็ยังเปิดตัวโครงการน้อย และมาเร่งเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าในปี 2565 อาจจะเป็นในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ตลอดช่วงปี 2555-2562 บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ครองแชมป์อันดับหนึ่งมาโดยตลอด ยกเว้นปี 2563 ที่เสียแชมป์ให้กับ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)
สำหรับบริษัทที่เป็นรองแชมป์ในไตรมาสที่ 1/2565 นี้ ก็คือ บมจ.แสนสิริ ที่เปิดตัวโครงการ 5 โครงการ มีจำนวนหน่วย 2,037 หน่วย รวมมูลค่า 8,679 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเปิดตัวอยู่ที่ 4.261 ล้านบาท จะสังเกตได้ว่าอันดับที่ 1 และ 2 แตกต่างกันสูงมาก แสดงว่า บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ที่เป็นอันดับหนึ่งได้ทุ่มพัฒนาที่ดินมากเป็นพิเศษในไตรมาสที่ 1/2565 นี้ สำหรับ บมจ.แสนสิริ ในช่วงตลอด 20 ปีที่ผ่านมาพบว่าเป็นบริษัทที่พัฒนาที่ดินมากเป็นอันดับต้นๆ และเคยพัฒนาที่ดินในจังหวัดภูมิภาคมากที่สุดในบรรดาบริษัทพัฒนาที่ดินทั่วประเทศ
บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทใหญ่อันดับ 3 โดยเทียบจากมูลค่าการพัฒนาเป็นหลัก บริษัทนี้พัฒนาทั้งหมด 5 โครงการ รวม 1,074 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนา 8,300 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7.728 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทที่พัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาที่สูงที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ อย่างไรก็ตามในปีก่อนหน้า บมจ.เอสซีแอสเซท คอร์ปอเรชั่น ก็เคยเป็นแชมป์ราคาสูงมาก่อนเช่นกัน ส่วนในทางตรงกันข้ามบริษัทมหาชนที่พัฒนาสินค้าราคาถูกได้แก่ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่พัฒนาในราคาเฉลี่ยเพียง 1.658 ล้านบาท และ บมจ.แอสเซทไวส์ที่พัฒนาในราคาเฉลี่ยเพียง 1.459 ล้านบาท ถือเป็นแบบ “บ้านเอื้ออาทร” ภาคเอกชนก็ว่าได้
10 บริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในไตรมาสที่ 1/2565 ในแง่จำนวนหน่วย พัฒนารวมกัน 13,030 หน่วย หรือ 57% ของทั้งหมด ส่วนในแง่มูลค่าการพัฒนาก็มีรวมกันถึง 48,297 ล้านบาทหรือ 60% ของทั้งหมด แสดงว่าบริษัทใหญ่ๆ สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มาก เฉพาะบริษัทอันดับหนึ่งคือ บมจ. บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 14% ในแง่จำนวนหน่วย และ 15% ในแง่มูลค่า (หรือทุกๆ 1 ใน 7 ส่วนของทั้งหมด)
ในอนาคตบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตยิ่งๆ ขึ้นเพราะต้นทุนทางการเงินถูกกว่าบริษัทนอกตลาด และมีชื่อเสียงที่ดีกว่า บริษัทพัฒนาที่ดินเล็กๆ หรือที่เป็น SMEs คงแข่งขันได้ยากขึ้น