การท่องเที่ยวทั่วโลกสร้างรายได้ได้เท่ากับ 9% ของ GDP สามารถสร้างงานให้กับ 1 ในทุก 11 คน ยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีคนไปท่องเที่ยวมากที่สุดถึง 534 ล้านคน ได้เงินจากการนี้ถึง 458 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 13.74 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเพียง 14% มาเพื่อทำธุรกิจ อีก 27% มาเพื่อการรักษาพยาบาลและสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่ 52% มาท่องเที่ยวธรรมดา ที่เหลือเป็นอื่น ๆ ทั้งนี้เป็นข้อมูลจากองค์การการท่องเที่ยวโลก หรือ World Tourism Organization
ในรายละเอียดพบว่า นักท่องเที่ยว 52% ไปเที่ยวยุโรป โดยเฉพาะยุโรปใต้และทะเลเมดิเตอเรเนียน 19% ไปเที่ยวยุโรปตะวันตก 16% ส่วนที่ไปเที่ยวยุโรปกลางที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จัดขึ้นเพื่อหาทุนให้มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทยนั้น มีคนไปเที่ยวเพียง 11% จากทั่วโลก แต่ยุโรปกลางนี้ก็ยังมีคนไปท่องเที่ยวมากกว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีส่วนแบ่งอยู่เพียง 9%
ประเทศที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และจีน โดยมีผู้ไปท่องเที่ยวสูงถึ 83 67 และ 58 ล้านคนตามลำดับ ในสิบอันดับแรก ส่วนใหญ่อยู่ยุโรป ยกเว้น สหรัฐอเมริกา จีน และมาเลเซียที่อยู่อันดับ 10 มีนักท่องเที่ยว 25 ล้านคน แต่ครึ่งหนึ่งคือชาวสิงคโปร์จากการข้ามแดนไปมา จึงไม่ใช่ตัวเลขจริง แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าไทย ประเทศไทยพัฒนาการท่องเที่ยวมาก่อน จนมาเลเซียต้องมาเรียนรู้จากไทย แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า ไทยมีสถิติที่ต่ำกว่า ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะมาเลเซียเป็นประเทศตะวันมุสลิม จึงมีชาวตะวันออกกลางไปท่องเที่ยวมาก แต่ประเทศไทยไปขโมยเพชรซาอุฯ จนบัดนี้ยังไม่ได้คืน จึงทำให้การท่องเที่ยวและการค้ากับประเทศเหล่านี้ไม่กระเตื้องเท่าที่ควร
ในภาคพื้นยุโรปมีการเติบโตของการท่องเที่ยวสูง โดยเฉพาะในยุโรปกลางและอดีตประเทศหลังม่านเหล็กที่นักท่องเที่ยวทั่วไปยังไมได้ไปสัมผัสมากนัก
สิ่งดึงดูดความสนใจของยุโรปกลางก็คือสถาปัตยกรรมเก่าแก่ต่าง ๆ ซึ่งยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาคารทั้งหลายที่มักมีอายุระหว่าง 150 - 500 ปีโดยประมาณ สำหรับพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามจากการทดลองประเมินของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่ารายได้จากพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานต่าง ๆ ไม่เพียงพอสำหรับการสร้างตั้งแต่แรก แต่ก็เป็นจุดดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเพื่อการจับจ่ายในประเทศเจ้าบ้านเหล่านี้
อาคารโบราณสถานโดยเฉพาะที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองนครรัฐต่าง ๆ รวมถึงเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ มักสร้างขึ้นเพื่อการเสพสุขในสมัยก่อน แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ก็ตกเป็นของแผ่นดิน ยิ่งมีการก่อสร้างหรือประดิษฐ์เครื่องใช้ที่วิจิตรพิสดารเพื่อการเสพสุขส่วนตัวในสมัยโบราณมากเพียงใด ก็ยิ่งเป็นสมบัติของชาติเพื่อการศึกษาของชนรุ่นหลัง
น่าเสียดายที่โบราณสถานต่าง ๆ ของไทยมีเหลืออยู่น้อยมากที่จะมีอายุเกิน 200 ปีขึ้นไป ยกเว้นปราสาทขอมทั้งหลาย ประเทศไทยจึงเน้นขายธรรมชาติมากกว่า นอกจากนี้ยังมีแรงดึงดูดที่ไม่ค่อยมีใครใคร่กล่าวถึงมากก็คือที่ฝรั่งมักนินทาว่า “เมืองไทยมีดีเฉพาะเรื่อง Sex กับ Golf” ข้อนี้คงเป็นสิ่งที่ไทยต้องพัฒนาการท่องเที่ยวทางเลือกหรือการท่องเที่ยวหลักทางอื่นให้มาก
ในการไปศึกษาดูงานหรือท่องเที่ยวในยุโรป อาจมีข่าวร้ายเกี่ยวกับขโมยต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนมากเป็นในบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งก็คงคล้ายขอทานในอินเดีย ซึ่งมักพบตามแหล่งท่องเที่ยว ในเมืองทั่วไปแทบไม่พบ และอาจถือว่าปลอดภัย น่าอยู่ อาจจะน่าอยู่กว่าประเทศไทย ที่เราคนไทยเคยชิน จนไม่คิดจะย้ายไปไหน แต่นั่นคงเป็นความรู้สึกของคนไทยที่มีอันจะกิน แต่สำหรับคนไทยที่มีฐานะด้อยกว่า ก็อยากดิ้นรนออกไปหาที่ ๆ ดีกว่า เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นต้น จนต่อเมือฐานะดีขึ้นก็อาจ “กลับมาตายรัง” ยกเว้นลูกหลานที่เกิดเมืองนอก คงไม่คิดกลับแต่อย่างใด
สำหรับการจัดดูงานในช่วงวันที่ 6-14 กันยายน 2556 โดย ดร.โสภณ เพื่อหาทุนให้มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทยในยุโรปกลางนี้ มุ่งเน้นความรู้ด้านสถาปัตยกรรม การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและตบแต่งบ้านสวยงาม รวมทั้งข้อมูลตัวเลขด้านเศรษฐกิจ อสังหาริมทรัพย์ สำหรับการพิจารณาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ในการลงทุนที่เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในอนาคตต่อไป