ตามที่มีข่าวว่าห้องชุดในอีอีซีจะล้นตลาด ดร.โสภณ ออกมายืนยันว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ห้องชุดในอีอีซียังไม่ล้นตลาด มีหน่วยเหลือขายน้อย และที่สำคัญยังขายดีกว่าที่อยู่อาศัยประเภทอื่น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (area.co.th) กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาคารชุดในพื้นที่ท่องเที่ยวยังคงมีภาวะ “โอเวอร์ซัพพลาย” ขณะที่บ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายรวม 36,804 ยูนิต มูลค่า 106,132 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นรอบนิคมอุตสาหกรรม เช่น โซนนิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น 6,419 ยูนิต โซนนิคมฯพานทอง-พนัสนิคม 3,089 ยูนิต และโซนนิคมฯเหมราช 3,066 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์นั้น เป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง
จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยต่อเนื่องรายไตรมาสมาตั้งแต่ปี 2537 พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของเฉพาะจังหวัดชลบุรี ยังเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศไทย (ยกเว้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ในขณะนี้เฉพาะในจังหวัดชลบุรี มีห้องชุดรอขายอยู่ทั้งหมดเพียง 12,150 หน่วย หรือเป็นเพียง 35% ของที่อยู่อาศัยที่รอขายอยู่ทั้งหมดที่ 34,241 หน่วยเท่านั้น ในขณะที่ห้องชุดขายได้เดือนละ 2.3% ของหน่วยขายทั้งหมด ในขณะที่ที่อยู่อาศัยโดยรวม ขายได้ 2.2% ของทั้งหมด หากแยกเฉพาะที่อยู่อาศัยอื่น อัตราการขายได้ต่อเดือน น่าจะมีเพียง 2% เท่านั้น แสดงว่าห้องชุดขายดีกว่าที่อยู่อาศัยอื่นพอสมควร
ยิ่งกว่านั้น ในจำนวนห้องชุดที่ยังเหลือขายอยู่ 12,150 หน่วยในจังหวัดชลบุรีนั้น คาดว่าจะขายได้หมดภายในกำหนด 22 เดือน ส่วนที่อยู่อาศัยโดยรวมจะต้องใช้เวลาขายราว 29 เดือน ยิ่งหากแยกพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่ห้องชุดออกมาวิเคราะห์ ระยะเวลาที่จะขายหมดของที่อยู่อาศัยอื่น อาจกินเวลาถึง 35 เดือน แสดงว่าห้องชุดในชลบุรียังขายดีกว่าที่อยู่อาศัยอื่นเป็นอย่างมาก
เมื่อแยกแยะออกเป็นทำเลที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ได้แบ่งได้โดยตลอด จะเห็นได้ว่า ในแทบทุกทำเล ห้องชุดเป็นที่อยู่อาศัยส่วนน้อยในที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่ขายยกเว้นในพื้นที่ศรีราชาที่ห้องชุดมีขายอยู่ 55% ในพื้นที่แหลมฉะบังมีห้องชุดขายอยู่ 50% และในพื้นที่พัทยาฝั่งตะวันตกของสุขุมวิท (ฝั่งทะเล) เกือบทั้งหมดเป็นห้องชุด จึงทำให้โดยรวมแล้ว ห้องชุดมีสัดส่วนเพียง 35% ของสินค้าที่อยู่อาศัยที่ยังเหลือขายอยู่ทั้งหมดในจังหวัดชลบุรี
สำหรับอัตราการขายนั้น ทั้งโดยรวมในจังหวัดชลบุรี ในพื้นที่ตัวอำเภอเมืองและโดยรอบ บางแสน ศรีราชา พัทยาฝั่งตะวันออก และสัตหีบ อัตราการขายของห้องชุดมีสูงกว่าที่อยู่อาศัยโดยรวมทั้งสิ้น นี่จึงแสดงให้เห็นว่าข่าวลือที่ว่าที่อยู่อาศัยในพัทยาโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวกำลังล้นตลาดนั้น ไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตามก็มีกรณีบ่อวินที่อัตราการขายของห้องชุดมีเพียง 2.0% ต่อเดือน ในขณะที่ที่อยู่อาศัยโดยรวมมีอัตราการขายอยู่ที่ 2.7% แต่กรณีนี้ไม่ใช่ว่าห้องชุดขายไม่ดี จะเห็นได้ว่าห้องชุดเหลือขายในท้องที่บ่อวินเพียง 12หน่วย แต่สินค้าแนวราบอื่น เหลือขายอยู่ถึง 5,285 หน่วย แสดงว่าห้องชุดขายแทบหมดแล้ว ที่เหลืออยู่เป็นห้องชุดเศษๆ แล้ว ภาวะขณะนี้ห้องชุดในบ่อวินมีไม่พอขายด้วยซ้ำไป
ส่วนในพื้นที่พัทยาฝั่งตะวันตกที่มีห้องชุดรอขายอยู่ 7,579 หน่วยนั้น อาจดูมีมากและมีอัตราการขายที่ช้าคือเพียง 2.0% เท่านั้น แต่จำนวนนี้เป็นเพียง 9.2% ของหน่วยขายทั้งหมดในพื้นที่นี้ แสดงว่าที่เหลือขายนี้เป็นส่วนน้อยมาก มีไม่ถึง 10% ของอุปทานห้องชุดทั้งหมดในพื้นที่นี้ กรณีนี้แสดงว่าขายได้ดีและรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ได้สะท้อนภาวการณ์ล้นตลาดแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้นอุปสงค์การซื้อของชาวต่างชาติก็เริ่มกลับมาแล้ว
โดยสรุปจึงกล่าวได้ว่าตลาดอาคารชุดพักอาศัยไม่ได้ล้นตลาดตามอ้าง ในทางตรงกันข้าม บ้านแนวราบต่างหากที่พึงเป็นห่วง ดร.โสภณห่วงว่าการตีความตัวเลขผิดๆ จะเป็นภัยต่อวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนและประชาชนผู้ซื้อบ้านทั่วไป