AREA แถลงฉบับนี้นำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวของ ดร.โสภณ พรโชคชัย และได้ส่งถึงพรรคการเมืองเพื่อให้ร่วมกันรณรงค์ยกเลิกประกาศฉบับนี้
5/15 ถ.นนทรี ยานนาวา กทม.10120
13 กันยายน 2565
เรื่อง ขอให้ยกเลิกประกาศการขายชาติของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เรียน หัวหน้าพรรคการเมือง
อ้างถึง ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 6/2565 เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้นิติบุคคลต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนถือกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัย ลว.8 สิงหาคม 2565
เนื่องด้วยประกาศข้างต้นถือเป็นประกาศที่ขายชาติ ขายแผ่นดินไทย เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและเป็นการทรยศชาติอย่างร้ายแรง กระผมจึงทำหนังสือนี้มาขอท่านในฐานะพรรคการเมืองที่มุ่งรับใช้ประชาชน โปรดร่วมรณรงค์ยกเลิกประกาศนี้ ด้วยเหตุผลดังนี้:
1. ประกาศฉบับนี้ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการลงทุน เพราะที่ผ่านมาก็มีการลงทุนจากต่างประเทศผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นอันมากอยู่แล้ว (“บีโอไอ” เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมปี 4 ทะลุ 6.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%: https://cutt.ly/3Ckjv9T) ไม่มีความจำเป็นต้องกระตุ้นด้วยวิธีนี้
2. การให้ต่างชาติมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รายได้ประชาชาติต่อปีที่เกิดจาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์น้อยมากเพียง 1.5% (https://bit.ly/3OWTE0O) รัฐบาลอย่าได้เชื่อพวก “ขายชาติ” ที่อ้างข้อมูลเท็จ แรงงานมีฝีมือของคนต่างด้าวลดลงตามลำดับ ณ เดือนธันวาคม 2564 มีเพียง 137,710 ราย รัฐบาลจะหาคนต่างชาติมาอยู่ในไทย 1 ล้านคนใน 5 ปีเป็นเรื่องเท็จ แม้แต่สหรัฐอเมริกา ยังดึงคนเข้าประเทศมาซื้อบ้านได้แค่ 100,700 หลังในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตลอดช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา (ปี 2563-2564) จำนวนผู้ซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เป็นชาวต่างชาติลดลงตามลำดับ แม้ในช่วงปี 2562 ที่มีต่างชาติมาซื้อห้องชุดมากมายก็ถือว่าซื้อเพียง 15% ของมูลค่าเท่านั้น (https://bit.ly/3uwuQpM)
3. ในการลงทุนอุตสาหกรรม ปัจจัยการผลิตหลักก็คือเครื่องจักร หรืออาคาร ถ้าไทยจะส่งเสริมการลงทุนก็อาจให้ต่างชาติใช้ที่ดินโดยไม่คิดมูลค่า (แต่ต้องเสียค่าดูแลและค่าสาธารณูปโภค) ไม่จำเป็นต้องให้มาซื้อที่ดิน
4. การที่ต่างชาตินำเงินมาลงทุนเพียง 50 ล้านบาทก็สามารถซื้อที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงานได้ถึง 5 ไร่นั้น มูลค่าที่ดินน่าจะสูงกว่าเงินลงทุนเสียอีก นี่เป็นการออกมาตรการให้ต่างชาติมาฮุบที่ดินไทยมากกว่ามาลงทุนจริง วิญูญูชนย่อมมองออก แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกมาตรการหละหลวมเช่นนี้น่าจะเป็นการจงใจขายชาติ
5. ถ้าประกาศมาตรการให้ต่างชาติมาแย่งซื้อและฮุบที่ดินไทยเช่นนี้ กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอยู่แล้วนับหมื่นๆ แห่ง ก็อาจเรียกร้องสิทธินี้บ้าง ซึ่งจะยิ่งทำให้ต่างชาติมากว้านซื้อที่ดินเก็งกำไรกันมากมาย
6. เมื่อเกิดอุปสงค์จากการเก็งกำไรที่ดินของต่างชาติกันมหาศาลจะทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น จะสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีบ้านของตนเอง ต่อไปคนไทยอาจต้องเช่าที่ดินของต่างชาติในไทย
7. ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องให้กิจการนั้นๆ ซื้อที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแก่ผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการต่างชาติถึง 10 ไร่ ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติต่างอาศัยอยู่ในห้องชุด หรืออยู่ในเมืองเท่านั้น การประกาศเช่นนี้เป็นการส่งเสริมให้ต่างชาติมากว้านซื้อที่ดินเก็งกำไรโดยตรง
8. ยิ่งกรณีให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้อีก 20 ไร่ เพื่อเป็นที่พักอาศัยของคนงาน ยิ่งเป็นสิ่งที่ขาดเหตุผลยิ่ง ไม่มีความจำเป็นในการจัดหาที่อยู่อาศัยแก่คนงานไทยหรือต่างด้าวเลย หรือประกาศนี้มุ่งแผ้วทางให้มีการส้องสุมชาวต่างด้าวใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย เป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
9. ยิ่งกว่านั้นที่ดินที่ตั้งสำนักงาน และที่อยู่อาศัยสำหรับผู้บริหารและคนงานอาจอยู่ต่างที่กันก็ได้ ต่างชาติอาจแสร้งมาทำกิจการในเมือง แต่ซื้อที่ดินให้ผู้บริหารอยู่ตามชายทะเลหรือตามนาขั้นบันไดหรือที่ไหนก็ตาม
10. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง อาจอนุมัติกิจการบังหน้าที่เป็นภัยร้ายต่อชาติได้
11. ที่ว่ากิจการนั้นๆ ต้องจำหน่ายหรือโอนที่ดินภายใน 1 ปีเมื่อหมดสภาพการเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม แต่ไม่มีรายละเอียดว่าจะขายหรือโอนให้ใครได้บ้าง และการที่กิจการนั้นๆ ได้ครอบครองที่ดิน 10-20 ปีในช่วงส่งเสริมการลงทุน ก็ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ต่างชาติได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรนี้
12. ประกาศฉบับนี้คลุมเครือ ไม่ได้ระบุประเภทกิจการที่จะได้รับการส่งเสริม และไม่ได้ระบุระยะห่างจากสถานประกอบการให้ชัดเจนทั้งที่สามารถทำให้กระจ่างในคราวเดียว จึงถือเป็นประกาศที่ฉ้อฉล อาจเป็นภัยร้ายต่อชาติอย่างร้ายแรง
13. ประกาศฉบับนี้ประกาศ ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2565 แต่ให้มีผลบังคับย้อนหลังตั้งแต่ 13 มิถุนายน 2565 กรณีนี้ถือเป็นเรื่องฉ้อฉลหรือไม่ และแทบไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้ทราบข่าวประกาศนี้เลย จนเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ฐานเศรษฐกิจจึงได้เสนอข่าวนี้ (https://cutt.ly/ICkkIRA)
14. ที่ผ่านมาการรักษาความมั่นคงของไทยหละหลวม ขาดประสิทธิภาพทั้งตามแนวชายแดน ทั้งการสวมบัตรประชาชนคนไทย ทั้งการมาส้องสุมกำลังของเหล่าผู้ก่อการร้าย ดังนั้นการยิ่งให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินโดยอ้างการส่งเสริมการลงทุนจึงเป็นการขายชาติชัดเจน
15. ในต่างประเทศทั่วโลก ไม่เคยมีชาติใดประกาศให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินอย่างหละหลวมเช่นนี้ โดยไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำในการซื้อ ไม่มีการเสียภาษีซื้อ (แทบ) ไม่มีการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีกำไรจากการขาย ภาษีมรดก ฯลฯ นี่จึงเป็นประกาศที่จงใจขายชาติอย่างแน่นอน
ถ้ารัฐบาลจะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ต้องมีการกำหนดเช่นนานาอารยประเทศ ดังนี้:
1. ควรให้ผู้ซื้อเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเกิน 1 ปีแล้ว ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาซื้อ
2. ควรกำหนดราคาบ้านขั้นต่ำไว้ เพื่อไม่ให้ราคาบ้านเพิ่มขึ้นจากการแย่งซื้อบ้านจากประชาชนไทยเอง เช่น ซื้อได้ในราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น และอาจกำหนดให้ต่างชาติซื้อได้แต่บ้านมือ 1 ไม่รวมบ้านมือสอง
3. ควรกำหนดให้มีการเสียภาษีซื้อประมาณ 10-15% ของราคาขายเพื่อนำเงินเหล่านี้มาใช้เพื่อการพัฒนาประเทศ
4. ควรให้ต่างชาติเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1.5% ของราคาตลาดในแต่ละปี เพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่น (อันที่จริงคนไทยก็ควรเสียด้วย แต่ปรากฏว่ามีข้อยกเว้น) รวมทั้งให้มีการเสียภาษีมรดกที่เป็นสากลกว่านี้ (ปัจจุบันภาษีมรดกเอื้อให้คนรวยๆ แทบไม่ต้องเสียภาษี) และภาษีกำไรจากการขายที่ควรเก็บตามราคาตลาดจริงๆ
โดยสามัญสำนึกแล้ว วิญญูชนย่อมตระหนักได้ว่า การประกาศที่หละหลวมเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่การประมาทเลินเล่อร้ายแรงที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ก็เป็นการจงใจขายชาติอย่างแน่นอน กระผมจึงใคร่ขอให้ท่านหัวหน้าพรรคโปรดพิจารณาช่วยรณรงค์ให้ยกเลิกประกาศขายชาตินี้โดยรีบด่วน และให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลว่าได้มีการขายชาติตามประกาศนี้แก่ใครไปบ้างหรือไม่ เพื่อประชาชนและส่วนราชการต่างๆ จะได้เฝ้าระวังกิจการต่างชาติที่อาจมาทำร้ายประเทศไทยของเราได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
ดร.โสภณ พรโชคชัย
sopon@thaiappraisal.org