เอพี (ไทยแลนด์) ยืนเบอร์ 1 เปิดตัวสูงสุดในปี 2565
  AREA แถลง ฉบับที่ 813/2565: วันอังคารที่ 08 พฤศจิกายน 2565

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

            บมจ.เอ.พี. (ไทยแลนด์) ครองอันดับหนึ่งบริษัทที่เปิดตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2565 นับเป็นแชมป์ปีที่ 2 หลังจากที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เคยครองแชมป์มานานนับสิบปี

            เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้จัดงานแถลงผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยใน 9  เดือนแรกของปี 2565 เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ปรากฏว่า บมจ.เอ.พี. (ไทยแลนด์) ครองแชมป์เป็นเบอร์ 1 ที่เปิดตัวมากที่สุด 33 โครงการ รวม 8,882 หน่วย รวมมูลค่า 45,377 ล้านบาท  โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.109 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 11% หรือเท่ากับว่าในทุกๆ 9 หน่วยของโครงการเปิดใหม่ เป็นของ บมจ.เอ.พี. (ไทยแลนด์) อยู่ 1 หน่วย

            อันดับสอง รองลงมาเป็นของของ บมจ.แสนสิริ โดยเปิดตัวโครงการ 22 โครงการ รวม 5,652 หน่วย รวมมูลค่า 30,350 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.370 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งในตลาดอยู่ 7% (ทุกๆ หน่วยขายเปิดใหม่ 14 หน่วย เป็นของบริษัทนี้อยู่ 1 หน่วย)  ส่วนอันดับที่ 3 ก็คือ บมจ.โนเบิล ดิเวลลอปเมนท์ ซึ่งแม้พัฒนาเพียง 8 โครงการ แต่มีหน่วยขายรวมกันถึง 5,085 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาถึง 18,667 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทนี้พัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาเฉลี่ยเพียง 3.671 ล้านบาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ 4.274 ล้านบาท

 

            บริษัทอันดับที่ 4-10 ได้แก่ บมจ.แอสเซท ไวส์ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บมจ.เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.ศุภาลัย ทั้งนี้ บมจ.ศุภาลัย เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดมากเป็นพิเศษในปี 2565 จึงมีผลงานในเขตกรุงเทพมหานครน้อยกว่าปีก่อนๆ  ส่วน บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ที่เคยเป็นแชมป์เปิดตัวโครงการสูงสุดมาอย่างยาวนานนับสิบปี ก็ยังมีหน่วยขายรอผู้ซื้ออยู่จำนวนหนึ่ง การเปิดตัวโครงการใหม่จึงยังไม่มากเช่นเดิม แต่มียอดขายที่เพิ่มขึ้น

 

 

            ส่วนมูลค่าการพัฒนาสูงสุด อันดับที่ 1 และ 2 ยังเป็น บมจ.เอ.พี.(ไทยแลนด์) และ บมจ.แสนสิริ  แต่อันดับที่ 3 กลับเป็น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งสร้างสินค้าขายในราคาเฉลี่ย 9.55 ล้านบาท รวมมูลค่า 30,350 ล้านบาท จำนวนหน่วย 5,652 หน่วย  ยิ่งกว่านั้นยังมี บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่พัฒนา 10 โครงการ แต่มูลค่ารวมสูงถึง 10,549 ล้านบาท รวม 440 หน่วย (หน่วยละ 23.98 ล้านบาท) และ บมจ.ควอลิตี้ เฮาส์ ซึ่งแม้พัฒนา 4 โครงการเช่นกัน แต่มูลค่ารวมถึง 9,724 หน่วย รวม 899 หน่วย หรือราคาหน่วยละ 10.82 ล้านบาท

            ในอดีตที่ผ่ามา บริษัทที่ใหญ่ที่สุดคือ บมจ.บางกอกแลนด์ที่พัฒนาเมือง (Township) ขนาดใหญ่ที่มีสินคาหลากหลายในที่เดียวกัน  ต่อมา Business Model ก็เปลี่ยนเป็นการพัฒนาหลากทำเล (แต่เน้นราคาสูง) โดย บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์คว้าอันดับหนึ่ง  และต่อมา บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ก็มาเป็นอันดับหนึ่งแทนเพราะพัฒนาหลายทำเล และแทบทุกระดับราคา และขณะนี้ก็มีการผลัดเปลี่ยนแชมป์กันตามภาวะตลาด

            อาจกล่าวได้ว่าในจำนวน 10 บริษัทนี้ มีส่วนแบ่งในตลาดถึง 54%  บริษัทมหาชนที่เหลืออีก 30 กว่าบริษัท ก็มีส่วนแบ่งในตลาดอีก 21% ที่เหลืออีกราว 25% เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่น้อยนับร้อยแห่ง และคาดว่าที่เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) คงมีเพียง 15% ของทั้งตลาดเท่านั้น ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย จึงดูเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด

 

อ่าน 680 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved