โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ไม่ควรมี ตอนนี้ทั้งไทยและเทศก็เที่ยวกันมากมาย ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนใดๆ ถือว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีการเปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนรายใหม่แล้ว ส่วนคนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันก่อนหน้านี้มาแล้ว สามารถกดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขบนแอปพลิเคชันเป๋าตังได้เลย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3mvfQqn)
โครงการนี้
- เปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2566
- ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ
- วันที่ 7 มีนาคม 2566 เปิดให้จองโรงแรม - ที่พัก (06.00 - 23.00 น.)
- วันที่ 10 มีนาคม 2566 เริ่มเข้าพักวันแรก
- วันที่ 26 เมษายน 2566 เปิดให้ของโรงแรมที่พักวันสุดท้าย
- วันที่ 30 เมษายน 2566 วันสุดท้ายของการเดินทาง และสิ้นสุดโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5
สำหรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ?
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
สำหรับวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ?
- ผู้ที่เคยลงทะเบียนโครงการ เราเที่ยวกันเฟส 1-4 ให้กดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บนแอปฯ เป๋าตัง ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่
- รายใหม่ให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
- รอรับ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนสำเร็จ
- ดาวน์โหลด พร้อมติดตั้ง และยืนยันตัวตนบนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหลักในการใช้จ่าย
- จองห้องพักกับโรงแรม พร้อมชำระเงินส่วนประชาชน (ร้อยละ 60) ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม หรือโทร. สำรองห้องพักกับเจ้าหน้าที่โรงแรม
- ได้รับ Voucher สำหรับ Check-in โรงแรม
- Check-in เข้าพักตามวันที่กำหนด (ในระหว่างการเข้าพักจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวเป็นรายวัน สำหรับใช้จ่ายในร้านอาหาร/สถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ)
- Check-out ออกจากที่พัก
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ
- สนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรม/ที่พัก 40% สูงสุด 3,000 บาทต่อห้อง (5 สิทธิ์ต่อคน)
- สนับสนุนคูปอง E-Voucher 600 บาทต่อวัน ใช้สิทธิ์ข้ามจังหวัดได้ทั่วประเทศ
- ไม่มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบัตรโดยสารเครื่องบินเหมือนเฟสที่ผ่านมา
ข้อวิพากษ์สำคัญก็คือ
1. เป็นการช่วยผิดกลุ่ม ควรช่วยผู้มีรายได้น้อยที่จำเป็นต้องช่วยเป็นอย่างมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ร่ำรวยกว่าไทยมาก ก็ยังเน้นช่วยเฉพาะคนจน ไม่ใช่คนที่ไม่จน
2. คนที่ได้รับสิทธิมีทั้งข้าราชการที่มีสิทธิพิเศษมากมายอยู่แล้ว และพนักงานในบริษัทเอกชน รวมทั้งเจ้าสัวนายหัวก็ใช้สิทธินี้ได้ เพราะกำหนดเพียงว่าเป็นคนไทยและอายุเกิน 18 ปี
3. คนจนจริงๆ คงไม่มีปัญญาไปเที่ยว หรือไปเที่ยวได้แต่น้อย เช่นไม่กี่ร้อยบาท ส่วน คนได้ประโยชน์กับเป็นคนไม่จน เช่น จ่ายค่าห้องโรงแรมคืนละ 7,500 บาท รัฐบาลตามไปให้อีก 3,000 บาท (40%) แถมใช้สิทธิได้คนละ 5 สิทธิอีกต่างหาก
4. ปกติคนไม่จนก็สามารถไปเที่ยวเองได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2564-2565 คนไม่จนก็แห่กันออกไปเที่ยว ไม่ต้องมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็ออกเที่ยวกันอยู่แล้ว รัฐบาลจึงไม่ควรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
5. ยิ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมากันมากมาย ไม่ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอีกต่อไป
6. ที่ว่าเป็นการช่วยคนทำงานโรงแรม คนทำงานระดับคนงานจริงๆ คงได้ไม่ถึง 10% ของค่าห้องพัก ส่วนใหญ่เป็นอื่นๆ และกำไรของเจ้าของโรงแรมมากกว่า
7. ยิ่งในขณะนี้จำนวนคนทำงานในโรงแรมยิ่งขาดแคลน เพราะมีคนมาเที่ยวกันมาก จึงยิ่งไม่ต้องมีโครงการนี้ พวกเขาก็มีงานทำที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพราะมีนักท่องเที่ยวมากันมากมายอยู่แล้ว
8. เราไปกู้เงินมาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้ อนาคตของเยาวชนจะเศร้าหมองเพราะต้องตามใช้เงินที่ขาดประสิทธิภาพนี้เพียงเพื่อสนองการ “หาเสียง” กับประชาชนแบบแจกเงินเช่นนี้
ผมขอเสนอแนะว่า ถ้าเราพอมีเงิน และบังเอิญได้ไปเที่ยวตามโปรแกรมนี้ ส่วนลดที่ได้ เราควรนำไปทำบุญทำทานในกรณีต่างๆ จะเป็นบุญกุศลแก่เราและประเทศชาติมากกว่า เพราะเราควรเน้นช่วยคนจนมากกว่าคนไม่จน