AREA แถลง ฉบับที่ 31/2557: 26 กุมภาพันธ์ 2557
ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาพุ่งใหญ่แล้ว
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
การเปลี่ยนแปลงราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาเป็นดัชนีที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งในการชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะไปทางไหน และโดยที่ขนาดเศรษฐกิจของมหาอำนาจประเทศนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด จึงทำให้มีผลกระทบต่อตลาดโลก และประเทศไทยเช่นกัน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ติดตามสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสที่การสำรวจล่าสุดขององค์กรการเงินเคหะการแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Housing Finance Agency) ได้เพิ่งเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ฯ จึงขอสรุปโดยสังเขป ดังนี้:
1. ในไตรมาสที่ 4/2556 ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกันแล้วที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวมั่นคงแล้ว
2. ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึง 7.7% มากกว่าปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5.6% การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในสหรัฐอเมริกานี้มีสัดส่วนสูงกว่าของประเทศไทยเสียอีก โดยในกรณีของกรุงเทพมหานคร ราคาบ้านเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% ต่อปี ขณะที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 4.3% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ในช่วงปี พ.ศ.2550-2554 ราคาบ้านติดลบลงมาโดยตลอด และเพิ่งฟื้นตัวมา 2 ปีนี้เอง
3. ในรอบ 1 เดือนล่าสุด คือพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม 2556 พบว่าราคาบ้านเพิ่ม 0.8% ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นสูงพอสมควร ราคาบ้าน ณ เดือนธันวาคม 2556 เท่ากับราคาบ้านเมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 หรือ ประมาณ 2 ปีก่อนที่ราคาบ้านจะดิ่งเหว ซึ่งนับแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา
4. อย่างไรก็ตามในระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา นับแต่ปี 2534 ราคาบ้านเพิ่มขึ้นปีละ 3.3% โดยเฉลี่ย แต่หากนับแต่ พ.ศ.2543 ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 3.0% โดยเฉลี่ย
5. กลุ่มมลรัฐที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุด คือบริเวณริมมหาสมุทรแปซิฟิก ได้แก่มลรัฐวอชิงตัน ออรีกอน แคลิฟอร์เนีย ซึ่งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาเพิ่มขึ้นถึง 16.1% ซึ่งนับว่าสูงมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้ ราคาตกต่ำมากเป็นพิเศษ จึงฟื้นตัวขึ้นมาในอัตราที่สูง
6. ส่วนกลุ่มมลรัฐที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านน้อยที่สุด ได้แก่กลุ่มมลรัฐแอตแลนติกกลาง ประกอบด้วยมลรัฐเดลาแวร์ แมรีแลนด์ นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย วอชิงตันดีซี นิวยอร์ก เวอร์จิเนียและเวสต์เวอร์จิเนียนั่นเอง
7. มลรัฐที่ราคาเพิ่มสูงมากทีสุดได้แก่ เนวาดา 24.3% มลรัฐแคลิฟอร์เนีย 19.5% และมลรัฐอะริสโซนา 15.2% ซึ่งเป็นกลุ่มรัฐที่เคยตกต่ำหนักที่สุด
ประเทศไทยจึงควรเรียนรู้สถานการณ์จากสหรัฐอเมริกาโดยใกล้ชิดเพราะจะสามารถเห็นทิศทางการเติบโต และจะส่งผลต่อการส่งออก ต่อเศรษฐกิจของไทยเอง และต่อทิศทางการลงทุน การท่องเที่ยวในอนาคต การฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกาเกิดจากการที่มีระบบการผ่องถ่ายขายทรัพย์สินและบังคับคดีที่มีประสิทธิภาพและเข้มงวด ซึ่งข้อนี้ประเทศไทยควรเรียนรู้เช่นกัน
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
|