มีบางท่านให้ความเห็นว่าการไม่มีรถไฟความเร็วสูง ทำให้ราคาที่ดินตกต่ำอย่างหนักโดยเฉพาะในต่างจังหวัดนั้น ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ขอชี้แจงว่า ความดังกล่าวคงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้มีข้อสังเกตที่น่าสนใจดังนี้
แม้ว่ารถไฟความเร็วสูงจะเป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์ต่อส่วนรวม และควรจะมีการก่อสร้างเพื่อความเจริญของประเทศไทย แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีการก่อสร้างวางแผนอย่างชัดเจน ยังไม่มีการประมูล ยังไม่มีนักลงทุน ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจริง และกว่าจะเปิดใช้คงกินเวลาอีกประมาณ 7-10 ปี ดังนั้น ศักยภาพของที่ดินจึงไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ศักยภาพของที่ดินยังไม่แตกต่างไปจากเมื่อ 2-3 ปีก่อนแต่อย่างใด
ราคาที่ดินที่ว่าขึ้นไปสูงมากๆ แล้วตกต่ำลงนั้น คงเป็นราคาเรียกขายแบบประเภทเก็งกำไร เพื่อขายให้กับผู้ไม่รู้มากกว่าที่จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง หากผู้ใดหลงเชื่อไปซื้อในราคาแพงๆ เพื่อหวังรออานิสงส์จากรถไฟความเร็วสูงที่แต่เดิมกะจะมีในอีก 7-10 ปีข้างหน้า ก็คงจะเป็นหลักการที่ไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร เพราะหากราคาที่ดินเพิ่มขึ้นปีละ 5% เป็นเวลา 7 ปีต่อเนื่องกัน ราคาก็เพิ่มขึ้น 41% แต่ หากเป็นอัตราดอกเบี้ย 10% ราคาก็เพิ่มขึ้น 95% การที่ราคาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจึงเป็นไปไม่ได้ และการที่ใครไปซื้อที่ดินราคาแพงเกินจริง จึงเป็นการลงทุนอย่างไรรอบรู้ รัฐหรือหน่วยงานใดก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
อย่างไรก็ตามการซื้อที่ดินที่ผ่านมา ส่วนมากคงเป็นการซื้อเพื่อการจัดสรรที่ดินหรือการสร้างอาคารชุดเป็นสำคัญ การซื้อในลักษณะนี้เป็นการซื้อตามปกติ ซึ่งมีการผลิตอสังหาริมทรัพย์ออกมาขายในรูปแบบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ ห้องชุด ฯลฯ การซื้อที่ดินในลักษณะนี้จึงไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร เป็นการซื้อที่สมเหตุสมผลและซื้อในปริมาณที่พอสมควร ดังนั้นจึงมักไม่ใช่การซื้อในราคาที่สูงเกินจริง จึงไม่มีข้อน่าห่วงใยแต่ประการใด และที่ผ่านมาด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ทำให้ราคาขายที่ดินพุ่งสูงขึ้น ปีละประมาณ 5-15% โดยประมาณ แต่คงไม่ใช่เป็นเท่าตัวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามโดยที่จุดขายของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหลายในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงนั้นหดหายไป จึงทำให้การขายบ้านจัดสรร อาคารชุดและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในจังหวัดภูมิภาคชะลอตัวหรือตกต่ำลง อย่างไรก็ตาม ราคาขายโครงการอาจจะหยุดนิ่ง หรืออาจมีการส่งเสริมการขาย ด้วยการขายลดราคาลงบ้างหากเป็นโครงการที่ยังดำเนินการขายอยู่เพื่อการปิดการขายได้เร็วขึ้น แต่การลงราคาคงไม่เกิดขึ้นในกรณีที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จและมีผู้เข้าใช้สอยแล้ว
ราคาที่อยู่อาศัย ราคาที่ดินจะตกต่ำลงก็เพราะผลทางเศรษฐกิจเป็นหลัก เช่น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังไม่ถึงขนาดพังทลายลง แม้การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 เป็นต้นมา จะทำให้การพัฒนาต่าง ๆ หยุดนิ่ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้ตกต่ำลงแต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังไม่น่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม หากเกิดสงครามกลางเมือง หรือการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธในระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ทำให้ความขัดแย้งขยายตัว ก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งทุกฝ่ายก็คงไม่ให้การเมืองพัฒนาลงเลวร้ายถึงจุดดังกล่าว
ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า แม้การไม่มีรถไฟความเร็วสูงในจังหวัดหลักของภูมิภาค จะไม่ทำให้ราคาที่ดินตกต่ำลง แต่ก็เป็นการทำลายโอกาสการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก หากการเมืองสงบ ก็หวังว่ารัฐบาลใหม่ จะได้พัฒนารถไฟความเร็วสูงต่อไป