อีกเพียง 8% ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกา ก็จะเท่ากับราคาบ้านเมื่อครั้งสูงสุด ณ เดือนเมษายน 2550 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐอเมริกากำลังฟื้นตัว ขณะที่ตลาดในภูมิภาคเอเซียอาจใกล้อัสดง

http://thaisocialwork.files.wordpress.com/2014/03/02.jpg

          ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้รวบรวมผลการสำรวจขององค์กรการเงินเคหการแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ Federal Housing Finance Agency พบว่าราคาบ้านในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 0.5% ในช่วงเดือนล่าสุด (ธันวาคม 2556 - มกราคม 2557) และหากเปรียบเทียบในรอบ 1 ปี คือ มกราคม 2556 - มกราคม 2557 จะพบว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึง 7.4% ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครที่ 4.6% การเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ 4% และการเพิ่มขึ้นของราคาห้องชุดพักอาศัยริมแนวระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตใจกลางกรุงเทพมหานคร ณ อัตรา 6.5% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
          ราคาบ้าน ณ เดือนมกราคม 2557 เท่ากับราคา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 หรือประมาณ 23 เดือนก่อนเกิดถึงจุดสูงสุดในเดือนเมษายน 2550 และราคาบ้านในเดือนล่าสุดนี้ เป็นราคาที่อีกเพียง 8% จะเท่ากับราคาบ้านที่เคยสูงสุดในเดือนเมษายน 2550 ดังกล่าวแล้ว แสดงว่าภาวะตลาดใกล้กลับมาสู่ปกติ ตลาดฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ นับจากนี้
          ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มมลรัฐที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดก็คือ มลรัฐแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% มลรัฐเหล่านี้ประกอบด้วยมลรัฐฮาวาย อะลาสกา วอชิงตน ออรีกอนและสหรัฐอเมริกา กลุ่มมลรัฐแถบภูเขาก็มีการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านสูงถึง 11% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มลรัฐเหล่านี้ประกอบด้วยเนวาดา ยูทาห์ คอโรลาโด อะริสโซนา เป็นอาทิ ส่วนกลุ่มมลรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุด คือเพิ่มขึ้นเพียง 3.2% คือกลุ่มมลรัฐแอตแลนติกกลาง ซึ่งประกอบด้วยมลรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซี และเพนซิลเวเนีย จะเห็นได้ว่ามลรัฐทางแปซิฟิก และมลรัฐแถบภูเขา มีการปรับตัวลงหนักสุดในช่วงก่อน แต่ขณะนี้ก็ปรับตัวขึ้นเร็วและแรงสุดเช่นกัน
          การฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกากับซีกโลกตะวันออกมักจะตรงกันข้ามกัน เช่นในขณะที่ไทยกำลังเฟื่องฟูในยุค พ.ศ.2530-2533 สหรัฐอเมริกากำลังตกต่ำสุดขีด แต่ในขณะที่ไทยกำลังตกต่ำสุดขีดในปี พ.ศ.2540-2543 ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกากลับพุ่งแรง และขณะนี้จีนกำลังจะเจอปัญหาฟองสบู่แตก ทำให้เกิดวิกฤติได้ จึงอาจนับเป็น "ขาลง" ของจีน  อย่างไรก็ตามการเติบโตของสหรัฐอเมริกา อาจกระตุ้นการลงทุนและการท่องเที่ยวมาสู่ภูมิภาคนี้บ้าง อันจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในอนาคตเช่นกัน
          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงจะติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดต่อไป