ในเดือนพฤษภาคม 2566 อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเริ่มมีการเปิดตัวโครงการคึกคักอีกครั้ง โดยมีโครงการเปิดขายใหม่รวม 36 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาจำนวน 20 โครงการ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าสินค้าที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว และอาคารชุดราคาแพงเพิ่มขึ้น โดยลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด 36 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายเปิดใหม่รวม 7,786 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 48,059 ล้านบาท
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 7,786 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 3,819 หน่วย (เดือนเมษายน 2566 มีจำนวน 3,967 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 96.3% เนื่องจากมีการเปิดตัวจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น อีกทั้งจำนวนหน่วยขายของเดือนนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 84 เป็นการพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทในเครือ ซึ่งพัฒนาสินค้าที่มีราคาขายต่อหน่วยแพงจึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตสูงขึ้น
โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นอาคารชุด มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ 4,008 หน่วย (51.5%) รองลงมา คือ ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 1,975 หน่วย (25.4%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว จำนวน 1,186 หน่วย (15.6%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลัก ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุด กับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่า จำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลักเพิ่มขึ้นทุกประเภท โดยบ้านเดี่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้น ประมาณ 701 หน่วย 144.5% ทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 722 หน่วย 57.6% ส่วนอาคารชุดเพิ่มขึ้น จำนวน 1,979 หน่วย 97.5% ซึ่งทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ สำหรับอาคารชุดที่เปิดขายจะตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่กรุงเทพชั้นใน และส่วนต่อขยายตามแนวสถานีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เช่น ถนนราชดำริ ถนนพหลโยธิน ถนนลาดพร้าว ถนนรามอินทรา ฯลฯ ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเปิดใหม่จะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนต่อขยายเมือง เช่น ติวานนท์ นครอินทร์ บางกรวย-ไทรน้อย ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ และยังมีพื้นรอบนอก เช่น กรุงเทพ-ปทุมธานี แพรกษา ลำลูกกา เป็นต้น
ภาพรวมโครงการที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้จะมีจำนวนโครงการ จำนวนหน่วยขาย มูลค่าโครงการ และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นระดับราคาปานกลาง-ระดับราคาสูง ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ประมาณ 15.3% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน โดยราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 6.173 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 5.355 ล้านบาท ซึ่งในเดือนนี้แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยปานกลาง-ระดับราคาสูง ที่มีทำเลส่วนต่อขยายเมืองมากขึ้น และส่วนหนึ่งจะเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูงในย่านนั้นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
อัตราการขายได้ จะพบว่า ในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 18.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 13.4% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาด คือ อาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 2,021 หน่วย ขายได้แล้ว 671 หน่วย (33.2%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 244 หน่วย ขายได้แล้ว 49 หน่วย (20.1%) และในเดือนนี้มีที่อยู่อาศัยแนวราบที่มียอดขายที่น่าสนใจ คือ บ้านแฝดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 275 หน่วย ขายได้แล้ว 52 หน่วย (18.9%) และบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 288 หน่วย ขายแล้ว 43 หน่วย (14.9%) ตามลำดับ
ในด้านที่ตั้ง พบว่า ในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่ และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นใน จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการสุนทรียา ราชดำริ โดยโครงการส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลาง และส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 25 โครงการ และพื้นรอบนอก 10 โครงการ เช่น บ้านกล้วย-ไทรน้อย รังสิต บางขันธ์ ลำลูกกา สามโคก ลาดหลุมแก้ว บางปลา ถนนเศรษฐกิจ เป็นต้น สำหรับอาคารชุดที่เปิดขายจะตั้งอยู่ในบริเวณย่านกรุงเทพชั้นกลาง และส่วนต่อขยายเมือง ตามแนวสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีเขียว สายสีม่วง และสายสีแดง ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเปิดใหม่จะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพชั้นกลาง นนทบุรี และส่วนต่อขยายเมือง เช่น กำแพงเพชร 6 ลาดพร้าว นครอินทร์ ติวานนท์ งามวงศ์วาน ศรีนรินทร์ เทพารักษ์ แพรกษา พุทธบูชา ประชาอุทิศ และพื้นที่รอบนอก เช่น บางกรวย-ไทรน้อย ปทุมธานี-กรุงเทพ เป็นต้น