คนเร่ร่อนและการโฆษณาชวนเชื่อของจีน
  AREA แถลง ฉบับที่ 545/2566: วันศุกร์ที่ 07 กรกฎาคม 2566

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

            เรามักเคยได้เห็นคลิปว่าในสหรัฐอเมริกา มีคนเร่ร่อนเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าอเมริกากำลังแย่ ใกล้ล่มสลาย แต่ความจริงนี่คือการโฆษณาชวนเชื่อของจีน

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะที่เคยเป็นประธานมูลนิธิอิสรชนที่ช่วยคนเร่ร่อน ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมทั้งในจังหวัดภูมิภาค ขอให้ความกระจ่างในเรื่องนี้

            ในความเป็นจริง สหรัฐอเมริกามีคนเร่ร่อนอยู่ทั่วประเทศ 553,000 คน และขณะนี้มีแนวโน้มลดลง สหรัฐอเมริกามีประชากรทั้งหมด 332 ล้านคน แสดงว่าประชากรอเมริกัน 0.17% เป็นคนเร่ร่อน หรือประชากร 1,000 คน เป็นคนเร่ร่อน 17 คนนั่นเอง

            ในขณะเดียวกัน ในประเทศจีน มีคนเร่ร่อนประมาณ 3 ล้านคน แต่จีนมีประชากรมากที่สุดในโลกถึง 1,412 ล้านคน หรือสัดส่วนของประชากรคนเร่ร่อนคือ 0.21% หรืออีกนัยหนึ่ง ในจำนวนประชากร 1,000 คน จะเป็นคนเร่ร่อนถึง 21 คน นี่แสดงว่าในประเทศจีน มีคนเร่ร่อนในสัดส่วนที่มากกว่าในสหรัฐอเมริกาโดยเปรียบเทียบเสียอีก

            อันที่จริง จีนอาจมีจำนวนคนเร่ร่อนมากกว่านี้มาก บางแหล่งข่าวบอกว่ามีนับร้อยล้านคน เพราะมีการย้ายถิ่นจากชนบทเข้ามาทำงานในเมือง อีกส่วนหนึ่ง ผู้ย้ายถิ่นเหล่านี้มีที่อยู่อาศัยในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แต่อาจไม่ได้ถูกจัดเป็นคนเร่ร่อน ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลก็พยายามจัดหาที่พักชั่วคราวให้คนเร่ร่อนอยู่ จึงทำให้เห็นภาพคนเร่ร่อนตามท้องถนนไม่มากนัก

            ส่วนในสหรัฐอเมริกา ประชาชนมีอิสระเสรีตั้งแต่สมัยฮิปปี้หรือบุปผาชน ย้ายถิ่นเร่ร่อนไปเรื่อย โดยเฉพาะมาปักหลักในเมืองใหญ่ เราจึงเห็นการชุมนุมของคนเร่ร่อนในมหานครขนาดใหญ่ เช่น ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก หรืออื่นๆ แต่ในเมืองขนาดเล็กๆ คงแทบไม่พบคนเร่ร่อนโดยเฉพาะที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ กรณีนี้ก็คล้ายขอทานในอินเดีย ซึ่งมักมีในมหานครใหญ่ ไม่ใช่ในเมืองเล็กๆ

            ประเด็นที่พึงพิจารณาก็คือ จีนพยายามอย่างยิ่งยวดในการ discredit สหรัฐอเมริกา และโฆษณาชวนเชื่อว่าจีนดีกว่า นี่เป็นสงครามข่าวสาร แม้ ดร.โสภณจะมีเชื้อสายจีน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชน จีนจะพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ควรภูมิใจ ไม่ควรให้ร้ายคนอื่น ไม่เช่นนั้นก็จะขาดความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก

            การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจีนในลักษณะนี้ กลับจะทำให้เกิดความไม่น่าไว้วางใจแก่รัฐบาลจีนเองในฐานะที่เป็นจักรวรรดินิยมมุ่งขยายอิทธิพล และอาจมุ่งหวังครองโลกหรือครอบงำชาติอื่น ดังเช่นที่จีนเข้าไปครอบงำในกัมพูชา ลาว เมียนมา และประเทศอื่นๆ ในอาฟริกาและโอเชียเนีย ประเทศไทยของเราจึงพึงสังวรและหาทางป้องกันการครอบงำจากจีน

            สิ่งที่รัฐบาลไทยพึงทำได้ก็คือการอาศัยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการครอบงำจากจีน เช่น การห้ามใช้นอมินีในการซื้อที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใด โดยมีการปราบปรามอย่างจริงจัง และมีมาตรการลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา อย่างไรก็ตามส่วนราชการในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายรวมทั้งไทยมักมีการทุจริต จึงควรตรวจสอบส่วนราชการอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

            เราในฐานะคนไทยควรดูกรณีนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ไม่ถูกหลอกลวงจากการโฆษณาชวนเชื่อซ้ำๆ และต้องระวังการเสียเอกราช (ทางเศรษฐกิจ)

 


 

ที่มาhttps://www.economist.com/china/2019/11/14/homelessness-has-become-a-problem-in-chinas-cities

 

อ่าน 1,274 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved