ตามศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้แถลงไว้ใน AREA แถลง ฉบับที่ 29 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ถึงการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีราคาสูงสุดถึงตารางวาละ 1,000,000 บาท แล้วนั้น ทำให้ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปสนใจในการลงทุนในที่ดิน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงขอให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมดังนี้
1. ราคาตลาดที่ประเมินไว้ เป็นราคาที่น่าจะสามารถซื้อขายได้ในตลาดเปิดทั่วไป อย่างเช่นที่ดินแถวสยามพารากอน เพลินจิตและชิดลมที่ประเมินไว้ตารางวาละ 1,000,000 บาท หรือไร่ละ 400,000,000 บาท นั้น เป็นราคาที่สมควรซื้อขายได้จริง อย่างไรก็ตามสำหรับที่ดินแปลงขนาดเล็กกว่านี้ ก็มีการขายแล้วในราคาประมาณ 1,000,000 1,500,000 บาท แต่สำหรับแปลงมาตรฐานที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ใช้ในการวิเคราะห์ราคานั้นเป็นแปลงขนาด 4 ไร่
2. อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ หากเกิดกรณีจำเป็นต้องขาย ผู้ขายอาจต้องขายในราคาต่ำกว่า หรือในกรณีจำเป็นต้องซื้อ ผู้ซื้อก็อาจซื้อในราคาที่สูงกว่าก็ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ราคาตลาด แต่เป็นราคาบังคับขาย หรือ Forced Sale Price และสำหรับราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น อาจแตกต่างจากราคาตลาด เพราะเป็นราคาที่ใช้เพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นสำคัญ และเป็นราคาที่มักกำหนดไว้ในเวลาประมาณ 4 ปี (ยกเว้นในบางกรณีที่อาจกำหนดใหม่เร็วกว่านั้น) จึงไม่อาจนำไปใช้อ้างอิงเพื่อการซื้อขายลงทุน
3. จะสังเกตได้ว่าราคาที่ดินโดยรวมในปี 2552 เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3.0% แสดงว่าเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาอัตราเงินฝากในสถาบันการเงินเสียอีก อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่คิดจะเก็งกำไร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ขอเตือนว่า ในอนาคตอัตราเพิ่มอาจลดต่ำกว่านี้ หากเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่อง ยกเว้นหากเศรษฐกิจดีขึ้นจริง ก็จะทำให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นตัวแปรตามที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ และจะส่งผลตามภาวะเศรษฐกิจ ข้อมูลในรายละเอียดของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ยังพบอีกว่า ราคาเฉลี่ยของที่ดินเพิ่มขึ้น ณ อัตราที่ลดลงมาโดยตลอด การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในช่วงปี 2548-2552 มีอัตราเพิ่มเป็น 5.6%, 4.9%, 3.5% และ 3.0% ตามลำดับ
4. บริเวณที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นกลับเป็นในในใจกลางที่ราคาที่ดินสูงมากอยู่แล้ว เพราะการมีระบบสาธารณูปโภคที่ดี อันได้แก่รถไฟฟ้า และการมีศักยภาพที่สามารถสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามในเขตรอบนอก ราคาที่ดินกลับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ยกเว้นบริเวณที่มีการตัดถนนสายใหม่ ที่ราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 2-4 เท่าตัว ใน AREA แถลงฉบับที่ 31/2552 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเพราะรถไฟฟ้า เป็นสำคัญ
5. อย่างไรก็ตาม บางบริเวณรอบนอก ราคาที่ดินกลับลดลงในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาถึงประมาณ 15-20% เช่น แถว ลำลูกกา มีนบุรีและลาดกระบังบางส่วน ทั้งนี้เพราะประการแรก การอยู่ไกลเกินไปและไม่มีระบบการคมนาคมที่ดี ประการที่สอง การมีข้อจำกัดด้านผังเมืองและการก่อสร้าง และประการที่สาม การมีข้อเสียด้านมลภาวะทางเสียงเครื่องบิน เป็นต้น
6. จากข้อสังเกตข้างต้น การลงทุนเก็งกำไรในที่ดินที่ไม่มีโอกาสการพัฒนาในอนาคต หรือมีระบบสาธารณูปโภคที่ไม่ดีพอ ย่อมไม่ทำให้การลงทุนงอกเงิยขึ้นได้ และทำให้เงินลงทุนจมหายไปด้วย การวิเคราะห์และประเมินค่าทรัพย์สินให้ถูกต้องในเบื้องต้น จึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนการลงทุน
7. ในเงื่อนไขที่ที่ดินใจกลางเมืองราคาแพง แต่มีศักยภาพสูง ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นมาก นักลงทุนรายย่อยก็คงไม่สามารถซื้อที่ดินเก็บไว้เก็งกำไรได้ และข้อสังเกตอีกประการหนึ่งที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ขอตั้งไว้ก็คือ การลงทุนในที่ดินโดยไม่มีแผนการพัฒนาที่แน่ชัด จะไม่ก่อให้เกิดผลงอกเงิยมากนัก เพราะไม่สามารถให้เช่าได้ในราคาที่เหมาะสม รอเพียงโอกาสการขายเป็นสำคัญ
8. ในการซื้อที่ดินเพื่อการลงทุนในระยะยาว ยังมีโอกาสอีกมากในกรณีการลงทุนในจังหวัดหลักของภูมิภาค จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี มีอนาคต และจังหวัดที่มีการค้าขายชายแดนที่ไม่พึ่งพิงกรุงเทพมหานคร เป็นต้น อย่างไรก็ตามที่ดินเหล่านั้นควรมีโอกาสที่จะเป็นส่วนขยายตัวของเมืองในอนาคตได้
9. การลงทุนในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใดนั้น หากผู้ลงทุนสามารถหาซื้อทรัพย์สินในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดได้ ย่อมมีโอกาสที่ดี แม้ในอนาคตอันใกล้ เช่น 3-5 ปีข้างหน้า ราคาจะยังไม่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ลงทุนก็สามารถได้กำไรตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ เนื่องจากซื้อในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดได้นั่นเอง
10. ข้อสังเกตในการลงทุนในที่ดินอีกประการหนึ่งก็คือ ความจำเป็นในการศึกษาศักยภาพและสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดโดยไม่ควรรีบร้อนซื้อ เพราะโอกาสที่จะตัดสินใจผิดพลาดย่อมจะเกิดขึ้นได้
สรุปว่า การลงทุนในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นเป็นการลงทุนในระยะยาว การหวังผลเก็งกำไรในระยะสั้น เช่น หุ้นหรือทรัพย์สินอื่น อาจทำให้ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ นอกจากนั้นอสังหาริมทรัพย์ยังมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะขึ้นต่อและช้ากว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม การลงทุนจึงต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ