ในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2566 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้ไปร่วมงานฌาปนกิจศพคุณประหยัด บุญสูง ประธานอีซูซุ ซึ่งให้ความเมตตาต่อ ดร.โสภณมาโดยตลอดตั้งแต่ตั้งบริษัทเมื่อปี 2534 จนถึงปัจจุบัน ดร.โสภณ ขอท่านสู่สุขคติ และขอส่งกำลังใจแก่ครอบครัวของท่านด้วย
คุณประหยัด บุญสูง ผู้มีพระคุณยิ่งต่อผมได้ถึงแก่กรรมแล้ว นับเป็นความสูญเสียบุคคลผู้เป็นยอดคนที่พึงเคารพยิ่ง
เมื่อเช้าวันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 เลขานุการของท่านประหยัด บุญสูง แจ้งต่อผมในฐานะ ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ว่าท่านเพิ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อค่ำวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้เอง สิริรวมอายุได้ 85 ปี และวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานศพของท่านซึ่งจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของท่านเองในซอยเอกมัย 28 โดยมีผู้ที่เคารพท่านไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ผมรู้จักท่านในฐานะที่ท่านเป็นประธานกรรมการ บจก.ตรีเพชรอีซูซุ ตระกูลท่านเป็นคหบดีใหญ่ในหาดใหญ่และภาคใต้ ท่านจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ผมเคยไปกราบท่านหลายครั้ง ตั้งแต่ที่บ้านท่านอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 51 และต่อมาเมื่อราว 20 กว่าปีก่อน ท่านก็มาสร้างบ้านหลังใหม่เลขที่ 45/2 ในซอยเอกมัย 28 ท่านเคยพาผมไปดูที่ตั้งของบ้านหลังใหม่นี้ ซึ่งแต่เดิมก็เป็นบ้านหลังใหญ่ มีห้องใต้ดินขนาดใหญ่ด้วย
ผมขอเรียกบ้านหลังใหม่ในซอยเอกมัย 28 ว่าคฤหาสน์เพราะมีขนาดใหญ่มากกว่า 2 ไร่ ท่านเล่าให้ผมฟังว่าค่าก่อสร้างเมื่อ 20 กว่าปีก่อนเป็นเงินถึง 500 กว่าล้านบาท ถ้าเป็นขณะนี้คงเป็นเงินนับพันล้าน ถ้ารวมค่าที่ดินด้วยคงเป็นเงินมหาศาล ท่านบอกว่าแม้แต่ถนนทางเข้าตัวคฤหาสน์ ก็ยังลงเสาเข็มไว้เพื่อป้องกันปัญหาแผ่นดินทรุดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ทุกครั้งที่ผมไปพบท่าน ผมชอบดูสระว่ายน้ำที่ออกแบบไว้อย่างเหมาะเจาะและเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของท่าน
ทุกท่านคงตระหนักดีว่าคุณประหยัด ท่านเป็นอภิมหาเศรษฐี แต่ท่านก็ให้ความเมตตากับผมที่เป็นคนเล็กคนน้อยเท่านั้น ผมรู้จักกับท่านตั้งแต่ปี 2532 หรือเมื่อ 34 ปีก่อน ท่านมาใช้บริการประเมินค่าทรัพย์สินในขณะที่ผมทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง และตั้งแต่นั้นมาท่านก็เมตตากับผม จนผมตั้งบริษัทของผมเองในปี 2534 ท่านก็ยังมาใช้บริการของผมเสมอมา
เมื่อผมตั้งบริษัทของผมเองซึ่งเน้นทำงานด้านสำรวจวิจัยเป็นหลักด้วยเงินไม่กี่หมื่นบาท ท่านเกรงว่าผมจะไม่มีสภาพคล่อง ท่านจึงเมตตาให้ผมไปประเมินโชว์รูมรถอีซูซุที่หาดใหญ่ ออกค่าเครื่องบินและที่พักให้หมด ผมก็รับไว้เพราะไม่ได้ไปแข่งกับธุรกิจของบริษัทเดิมของผมที่ทำประเมินให้กับสถาบันการเงินต่างๆ เป็นหลัก ต่อมาท่านก็ให้ไปสำรวจวิจัยหลายแห่ง รวมทั้งประเมินโรงแรมเจบีหาดใหญ่ จนผมค่อยๆ ตั้งหลักได้กระทั่งปัจจุบันมีเพื่อนร่วมงานประมาณ 100 คน ท่านจึงเป็นหนึ่งในผู้มีพระคุณกับผมเป็นอย่างสูง
ผมจำได้ว่าท่านให้ผมไปประเมินที่ดินตั้งโชว์รูมของอีซูซุเป็นจำนวนมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านเมตตากับผมเป็นพิเศษ โดยบอกกับเจ้าของที่ดินที่ท่านไปซื้อที่ดินมาตั้งโชว์รูมให้จ่ายค่านายหน้าให้ผมบ้าง ผมจึงได้เงินมาถึง 500,000 บาท ผมนำเงินก้อนนี้ไปซื้อรถคันใหม่ เป็นรถอีซูซุสเตชั่นวากอน นี่เป็นรถมือหนึ่งคันแรกของผม ผมยังจำพระคุณของท่านในเรื่องนี้ได้อย่างแม่นยำ
ด้วยรถคันนี้เองผมได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยว ลองนึกดูว่า ผมเป็นคนขับรถ คุณยายของผม (อายุ 80 ปีในขณะนั้น นั่งหน้า) ภริยาของผม แม่ผม และป้าผมนั่งตอนสอง ส่วนตอนที่ 3 เป็นที่นั่งสองแถว มีน้องชายและน้องสาวของผมนั่ง พร้อมกับลูกสาวและลูกชายของผม เรานั่งกันไปถึง 9 คน ไปไหว้เจ้าที่บางปะกงบ้าง หรือที่อื่นๆ บ้าง ทำให้ครอบครัวของผมมีความสุขมาก เพราะแต่เดิมผมมีเพียงรถแวนมือสองอายุ 20 ปีอยู่คันเดียว (บางวันยังต้องเข็นจนเหนื่อยกว่าจะสตาร์ทรถติด)
และด้วยรถคันนี้ ผมยังขับไปทั่วโดยในปี 2537 การเคหะแห่งชาติว่าจ้างผมไปสำรวจเพื่อการพัฒนาเมืองใหม่ เมืองชี้นำ และสำรวจชุมชนแออัดทั่วประเทศ ผมก็ใช้รถคันนี้พาเพื่อนร่วมงานของผมไปถึง 14 คน โดยผมเป็นคนขับเช่นเคย มีเพื่อนร่วมงานสามีภริยา (ตัวเล็กๆ สองคนนั่งข้างหน้าข้างผม) ตอนสองก็มีสาวๆ 5 คนที่เป็นนักวิจัยของเรานั่งอยู่เพราะรถสเตชั่นวากอนค่อนข้างกว้าง ส่วนตอนที่ 3 ที่มี 2 แถวก็มีเพื่อนร่วมงานชายอีก 6 คนนั่งไปด้วยกัน ส่วนสัมภาระ ก็ผูกไว้บนหลังคารถ ห่อด้วยผ้าใบ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเราใช้รถคันนี้ขับรถไปกันถึงประมาณเกือบ 400,000 กิโลเมตรกว่าจะปลดระวางไป
อย่างไรก็ตามในช่วงสิบกว่าปีหลังนี้ ผมก็ไม่ค่อยได้ทำงานให้ท่าน อาจเป็นเพราะท่านเกษียณอายุจากการเป็นประธานกิจการใหญ่ๆ ระดับประเทศ และบริษัทของเราก็เติบใหญ่เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีข้อมูลมากที่สุดในประเทศไทย แต่ท่านก็ยังให้ช่วยงานเป็นระยะๆ เช่นในช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 ท่านก็ยังใช้งานให้ช่วยประเมินค่าทรัพย์สิน นอกจากท่านจะไม่ยอมให้ผมไม่คิดค่าบริการแล้ว ท่านยังฝากขนมมาให้ผมและเพื่อนร่วมงานอีกด้วย แต่ผมก็ไม่ได้มีโอกาสไปกราบท่านเลย ยิ่งในช่วงโควิด-19 (พ.ศ.2563-2565) ก็ยิ่งไม่กล้าไปรบกวนท่าน
ผมยังทราบว่าท่านและครอบครัวเป็นผู้ใจบุญเป็นอย่างยิ่ง ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผมก็ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญกับท่าน ผมเพิ่งได้ร่วมทำบุญร่วมกับท่านในงานศพของท่าน โดยในงานนี้ เป็นความประสงค์ของท่านที่งดรับพวงหรีดและเงินช่วยงาน แต่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถร่วมทำบุญผ่านสภากาขาดไทยหรือมูลนิธิรามาธิบดีได้ภายในงานเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน
ผมดีใจและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ผมในฐานะเพียงผู้ให้บริการรายเล็กๆ แต่กลับได้รับความเมตตาจากท่านอภิมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงท่านผมรับรู้ถึงความเมตตาของท่าน ขอท่านสู่สุขคติ ขอครอบครัวของท่านมีสุขสวัสดิ์ยิ่งๆ ขึ้น