เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 Aljazeera ได้ลงรายงานของ “Vijitra Duangdee” ในเรื่อง ‘Russian-only’ businesses in Thailand’s Phuket spark backlash” (https://t.ly/bWR52) หรือทำธุรกิจแบบรัสเซียในภูเก็ตทำให้ชาวบ้านไทยมีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าชาวรัสเซียมาแย่งงานคนไทยหมดแล้ว ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) จึงขอถอดความมาให้พิจารณาถึงแนวโน้มการ “ขายชาติ” ของรัฐบาลที่ผ่านมา
ตามรายงานกล่าวว่าชาวรัสเซียจำนวนมากเดินทางมาภูเก็ตเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ที่จะถูกเกณฑ์ทหารภายหลังการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน การนี้ทำให้ชาวรัสเซียมากกว่า 400,000 คนเดินทางมายังภูเก็ตในระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมปีนี้ หรือเป็นสองเท่าของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนที่รัสเซียจะทำสงครามกับยูเครน พวกนี้ไม่ได้มาตากอากาศธรรมดา แต่มาเปิดร้านทำผมไปจนถึงบริษัทแท็กซี่ แย่งงานคนไทยด้วย
ชาวรัสเซียจำนวนมากได้รับวีซ่าพำนักระยะยาว ซื้ออสังหาริมทรัพย์ และก่อตั้งธุรกิจเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ที่จะถูกเกณฑ์ทหารภายหลังการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ เยือนภูเก็ตเพื่อเปิดสถานกงสุลแห่งใหม่เพื่อรองรับจำนวนพลเมืองจำนวนมหาศาลที่กำลังมองหางานและพักผ่อนที่นั่น
การเข้ามาของชาวรัสเซียทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ในแง่หนึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของทรัพย์เดิมและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในขณะขาย แต่ทำให้เกิดธุรกิจรัสเซียอย่างขนานใหญ่และมีพนักงานชาวรัสเซียที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายเต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับผู้ให้บริการทางเพศชาวรัสเซียที่ปฏิบัติการอยู่บริเวณศูนย์กลางสถานบันเทิงยามค่ำคืนของถนนบางลา ซึ่งให้บริการลูกค้าชาวรัสเซียเป็นหลัก
นายประยุทธ์ ทองมุสิก ประธานชมรมขับรถตู้ภูเก็ต ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการรถสองแถวท่องเที่ยว 200 ราย กล่าวกับอัลจาซีรา “เราได้รับผลกระทบจากชาวรัสเซียเหล่านี้ที่เข้ามาทำธุรกิจการท่องเที่ยว พวกเขาขับรถส่วนบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเป็นรถบริการ รับนักท่องเที่ยวที่จองผ่านแอปรัสเซีย โดยเสนอค่าธรรมเนียมถูกกว่าเราเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์”
ในเพจ Facebook ท้องถิ่น และโพสต์ต่างๆ ได้แสดงออกถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของคนไทยที่เกรงว่างานของตนจะถูกแย่งไป และคนไทยกำลังกลายเป็นเจ้าของธุรกิจการท่องเที่ยวในนามของนักลงทุนชาวรัสเซีย บางโพสต์มีรูปถ่ายการรับแท็กซี่ของรัสเซีย และผู้คนที่เชื่อว่าเป็นคนงานชาวรัสเซีย “คนพวกนี้ทำเอง กินเอง” ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งกล่าว “รัสเซียกำลังแย่งงานคนไทย สิ่งต่างๆ จะควบคุมไม่ได้ถ้าเราไม่ควบคุมมัน”
เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ตำรวจภูเก็ตได้จับกุมคนงานผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง “เราจับกุมชาวรัสเซีย 3 คนที่เปิดร้านทำผมหลังจากได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองไทย” พันโทธงชัย มติ บอกกับอัลจาซีรา “เราตั้งข้อหาพวกเขาว่าฝ่าฝืนกฎหมายโดยทำงานที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น” (มีตั้งแยะ จับได้แค่นี้) นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าการไหลเข้าของเงินรัสเซียอาจมาพร้อมกับการแข่งขันทางธุรกิจและอาชญากรรม โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตได้จับกุมชายชาวคาซัคผู้ต้องสงสัยยิงนักธุรกิจชาวรัสเซีย ดมิทรี อาเลย์นิคอฟ วัย 44 ปี ในเวลากลางวันแสกๆ ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถด้านนอกร้านกาแฟที่มีผู้คนพลุกพล่าน
นี่แค่รัสเซีย ถ้าจีนไหลบ่ามามากกว่านี้ ต่อไปเมืองไทยจะเหลืออะไรให้ลูกหลานไทย
https://vt.tiktok.com/ZSL3fprE2/