กรุงมะนิลา เป็นอีกมหานครหนึ่งที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ทำการสำรวจไว้อย่างต่อเนื่อง ตามโครงการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและภูมิภาคอาเซียน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ไปนำเสนอผลการศึกษา เป็นที่ฮือฮาในหมู่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินที่นั่น เพราะเป็นผลการสำรวจภาคสนามครั้งแรกที่ดำเนินการอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่เคยมีมา
          ประเทศไทยเมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์แล้ว ไทยมีขนาดใหญ่กว่า โดยฟิลิปปินส์มีขนาดเพียงสองในสามของไทยเท่านั้น แต่ฟิลิปปินส์มีประชากรมากก่าไทยถึง 50% คือมี 98 ล้านคน ในขณะที่ไทยมีเพียง 66 ล้านคนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงมีความหนาแน่นสูงกว่าไทยเกือบ 3 เท่า คือมีประชากร 329 คนต่อตารางกิโลเมตร ขณะที่ไทยมีเพียง 129 คนต่อตารางกิโลเมตร ประชากรฟิลิปปินส์ ยังเพิ่มขึ้นสูง คือปีละ 2% ในขณะที่ไทยเพิ่มเพียงปีละ 0.7% เท่านั้น แต่ประชากรฟิลิปปินส์ราว 10% หรือ 10 ล้านคนอาศัยอยู่ต่างประเทศ โดยทำงานในประเทศต่าง ๆ และส่งเงินกลับภูมิลำเนา
          ขนาดเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ ยังเล็กกว่าไทยคือเป็นเพียงครึ่งกว่า ๆ ของไทยเท่านั้น ทำให้รายได้ประชากรต่อหัว มีขนาดเพียง 39% ของไทยเท่านั้น แสดงว่าประเทศนี้จนมากกว่าไทย โดยมีคนจนถึง 30% ขณะที่ไทยมีเพียง 10% ที่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
          อาจกล่าวได้ว่าประเทศนี้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจน้อยกว่าไทย แต่เดิมมี่ความมั่นคงทางการเมืองน้อยกว่าไทย แต่ปัจจุบันถือว่ามีความมั่นคงสูงกว่า ทำให้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าไทย และมีโอกาสและลู่ทางในการลงทุนในประเทศนี้ได้พอสมควร
          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้พบโครงการที่อยู่อาศัยที่ขายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน จำนวน 134 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด 210,936 ล้านบาท รวมจำนวนหน่วยประมาณ 100,102 หน่วย อย่างไรก็ตามหน่วยที่ยังเหลือขายอยู่มีอยู่ประมาณ 53,137 หน่วยที่ยังรอคนซื้ออยู่ในท้องตลาด ซึ่งหากเทียบกับประเทศไทยแล้ว ยังเป็นเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะของไทยมีจำนวนหน่วยเหลือรอคนมาซื้อจำนวน 104,000 หน่วย
          ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของบ้านในกรุงมะนิลา เป็นเงินหน่วยละ 2.1 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าของไทยเป็นอย่างมาก คือของไทยเป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาท แต่ของไทยก็ยังต่ำกว่านครโฮชิมินห์ ที่ขายกันในราคาประมาณ 5 ล้านบาท แสดงว่ากำลังซื้อในนครมะนิลาต่ำกว่ากรุงเทพมหานครพอสมควร
          ที่อยู่อาศัยหลักในการพัฒนาที่กรุงมะนิลาก็คือ อาคารชุด ซึ่งมีจำนวนถึงประมาณ 78% ของทั้งหมด รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว ที่มีอยู่ 13% ของทั้งหมด ปรากฏการณ์ที่มีการพัฒนาอาคารชุดจำนวนมาก เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปในนครต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เพราะที่ดินมีจำกัด และส่วนมากมักจะเกาะตามบริเวณรถไฟฟ้า หรือเขตใจกลางเมืองที่เดินทางไปทำงานได้สะดวก เป็นสำคัญ
          สำหรับระดับราคาที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนากันมากที่สุดก็คือ อาคารชุดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นถึงประมาณ 59% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นอาคารชุดที่ขายห้องชุดในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ถึง 28% ของทั้งตลาดเลยทีเดียว
          โอกาสที่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินไทยจะเดินทางไปพัฒนาที่ดินในกรุงมะนิลามีมาก เพราะวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ยึดถือกฎหมายแบบเสรีนิยมเช่นกัน ต่างจากโลกสังคมนิยม และคู่แข่งในตลาดที่มีความเข้มแข็งสูง ก็มีจำกัด
          อนึ่งในฟิลิปปินส์ มีสมาคมผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินรายใหญ่เพียงรายเดียว ไม่ได้มี 3 สมาคม เช่นในประเทศไทย สมาคมแห่งนี้มีความเข้มแข็งมาก และปรากฏว่า สมาคมนี้ได้เชิญรองประธานาธิบดีโนริ เดอ คาสโตร มาแสดงปาฐกถาด้วย สมาคมนี้มีความคุ้นเคยกับประเทศไทย เนื่องจากสมาคมดังกล่าวได้ให้ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จัดการอบรมสัมมนาและดูงานในประเทศไทย และประสานงานการจัดให้ในมาเลเซีย นอกจากนี้นายกสมาคมดังกล่าวยังเป็นเพื่อนนักศึกษาของ ดร.โสภณ พรโชคชัย สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศเบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน
          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ขอส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ‘โกอินเตอร์’ โดยไปดูลู่ทางการลงทุนในกรุงมะนิลา และนอกจากนี้ฟิลิปปินส์ ยังมีเมืองอันดับรอง ๆ ลงมาในภูมิภาคอื่นที่น่าสนใจลงทุนเช่นกัน อันได้แก่ ดาเวา เซบู คากายันเดอโอโร และแองเจเลส เป็นต้น