ตามที่ทางราชการมีแนวคิดที่จะเก็บภาษีไม้ยืนต้นดร.โสภณกล่าวว่าเป็นแนวคิดที่เกาไม่ถูกที่คันและทำให้ปัญหาบานปลายเพิ่มขึ้น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA.co.th) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและได้พาคณะข้าราชการตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี อธิบดีดูงาน การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาหลายประเทศ กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีมายืนต้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหารูรั่วในระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเลย แถมยังสร้างปัญหาให้กับเกษตรกรผู้ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ร่ำรวยแต่อย่างใด
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอารยประเทศไม่ได้เปิดช่องให้เสแสร้งปลูกต้นไม้เพื่อเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นราว 40 ปีก่อน หรือการเสแสร้งด้วยการทำนาข้าวใจกลางกรุงโตเกียว คุณญี่ปุ่นก็แก้ไขปัญหานี้มานานมากแล้วแต่พวกไม่ยอมเสียภาษีกลับนำกลเม็ดเด็ดพรายนี้มาใช้ในประเทศไทย
ในอารยประเทศที่ ดร.โสภณพาคณะข้าราชการไปดูงาน เขาจัดเก็บภาษีตามราคาตลาด ที่ประมาณ 0.5% ถึง 3% แต่ที่ประเทศไทยกลับจัดเก็บเพียง 0.02% ของราคาประเมินราชการซึ่งมักเป็นเพียง 20-40% ของราคาตลาด ยิ่งหากในกรณีการเสแสร้งใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรก็ยิ่งเก็บภาษีต่ำลงไปอีก
ดังนั้นทางออกที่ถูกต้องจึงพึงเก็บภาษีตามราคาตลาด เช่น ที่ดินใจกลางเมืองตารางวาละ 1 ล้านบาทตามราคาตลาด ก็จัดเก็บภาษีตามราคานี้ไม่ใช่ตามประเภทการใช้ที่ดินที่เสแสร้งทำการเกษตร ปัญหาความผิดเพี้ยนของการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็จะหมดไปในที่สุด
สำหรับวิธีการเสาะหาราคาตลาด ก็โดยการงดหรือลดภาษีค่าธรรมเนียมโอนให้เหลือ 0.01% เพื่อส่งเสริมให้ทุกฝ่ายแจ้งตามราคาจริงเพราะไม่มีภาระภาษี แต่หากยังมีผู้พยายามแจ้งเท็จสำหรับราคาซื้อขายอาจมีมาตรการลงโทษเพื่อการป้องปราม ดังนั้นการมีฐานข้อมูลที่ถูกต้องจึงสำคัญเพื่อการประเมินค่าทรัพย์สินต่อไป และเราสามารถชดเชยภาษีที่สูญไปจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามความเป็นจริงในทุกปี
ยิ่งสำหรับทรัพย์สินที่ราคาแพง เช่นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทางราชการก็อาจส่งเจ้าหน้าที่ออกไปประเมินตามราคาตลาดตามหลักวิชาการหรือว่าจ้างบริษัทประเมินค่าทรัพย์สินออกไปดำเนินการประเมินค่า ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ถูกมากคุ้มกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามความเป็นจริงต่อไป
ส่วนสำหรับผู้ที่ทำการเกษตรจริงโดยเฉพาะในพื้นที่รอบๆ เขตเมืองใหญ่ นอกจากไม่ควรมีการเก็บภาษี ยังควรมีแรงจูงใจพิเศษเพื่อให้แต่ละบุคคลรักษาพื้นดินซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวไว้เพื่อประโยชน์ของสภาวะแวดล้อมของเมืองโดยรวม อาจมีเงินชดเชยเพื่อการเกษตร หรือมีการซื้อคาร์บอนเครดิตกับไม้ยืนต้นในพื้นที่การเกษตรของพวกเขาอีกด้วย
รัฐบาลใหม่พึงเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นประชาชนเจ้าของประเทศมากกว่านายทุนเจ้าของที่ดิน
หากท่านสนใจบริการประเมินค่าทรัพย์สิน-วิจัยอสังหาฯ และอบรม-สัมมนา
สามารถติดต่อและสอบถามบริการ
โทร: 02-295-3905 ต่อ 114
Email: lek2@area.co.th
Line ID : @trebs หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40tfw7135e