ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส แถลงว่า จากการสำรวจข้อมูลการขายในโครงการต่าง ๆ เกือบ 1,600 โครงการทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งถือเป็นโครงการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยที่ต่อเนื่องและกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย พบว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ 20 อันดับแรก เรียงตามจำนวนหน่วยและมูลค่า ดังรายละเอียดต่อไปนี้
อันดับตามจำนวนหน่วย
จากจำนวนบริษัททั้งหมดประมาณ 400 บริษัท สามารถจัดเรียงตามจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้ ทั้งนี้สำหรับอับดับตามจำนวนหน่วยเป็นดังนี้
อันดับตามมูลค่าโครงการ
ส่วนหากพิจารณาจากมูลค่าของหน่วยขายที่เปิดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จะสามารถอับดับตามมูลค่าได้ ดังนี้
ภาพเปรียบเทียบ
จะเห็นได้ว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท โดยมีนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์เป็นประธานคณะกรรมการ ทั้งนี้มีหน่วยขายเปิดใหม่ 9,116 หน่วย จาก 32 โครงการ หรือมีสัดส่วนถึง 18.3% ของทั้งตลาด หรือเกือบหนึ่งในห้าของทั้งตลาด และหากพิจารณาจากมูลค่าที่เปิดใหม่ ณ 22,576 ล้านบาท ก็จะมีสัดส่วน 16.4% ของทั้งตลาด หรือหนึ่งในหกของทั้งตลาดนั่นเอง
ในแง่ของจำนวนหน่วย บริษัท 10 อันดับแรก ครองส่วนแบ่งในตลาดถึง 62.1% แต่ในแง่มูลค่าครองอยู่ 59.6% และเมื่อพิจารณารวม 20 บริษัทแรก ปรากฏว่า 74.6% หรือสามในสี่อยู่ในมือของผู้ประกอบการ 20 รายแรก แต่ในแง่มูลค่า 20 รายแรกครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 70.8% สถานการณ์ในยามนี้ จึงยังไม่ค่อยมีบริษัทขนาดเล็กลงแข่งขันมากนัก เพราะสถานการณ์ยังมีความไม่มั่นคงพอสมควร ในอนาคต หากสถานการณ์ดีขึ้นคงจะมีบริษัทเข้ามาในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าขนาดของ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมกันมากกว่าการเคหะแห่งชาติที่เป็นรัฐวิสาหกิจเสียอีก (หากไม่นับรวมจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ในโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด และบ้านในโครงการเอื้ออาทร) เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากที่บริษัทแห่งนี้เติบโตขึ้นมาในระยะ 20 ปีที่ผ่านมาจากบริษัทรับเหมาสร้างบ้านให้บริษัทมหาชนรายใหญ่ในสมัยก่อน และทำโครงการราคาถูกในระยะแรก ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอันดับหนึ่งติดต่อกันมาหลายปี
อาจกล่าวได้ว่าบริษัทพัฒนาที่ดินไทยทั้งบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชนทั่วไปสามารถแบกรับภาระ การจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยรัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีอากรเข้าอุดหนุน หรือเป็นทุนในการดำเนินการเช่นในกรณีรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งยังสามารถสร้างกำไรได้ดี จนเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง
รัฐบาลจึงควรส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน รวมทั้งการร่วมมือกันจัดหาที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัของภาคเอกชนมากกว่าที่จะดำเนินการเอง ยกเว้นโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด หรือโครงการที่จำเป็นอื่น ๆ