ตลาดห้องชุดพักอาศัยในพัทยายังขายได้ดี แต่เชื่อว่าน่าจะมีผลกระทบจากการท่องเที่ยวอันเป็นผลจากการรัฐประหาร แต่หวังว่าจะส่งผลไม่ยาวนานนัก
          ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่าในพัทยาปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 300 โครงการ รวม 55,000 หน่วย และมูลค่าโครงการรวม 210,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่กรุงจาการ์ต้าและเมืองหลวงอื่น ๆ ทั่วทั้งอาเซียนเป็นรองเพียงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น ขณะนี้มีหน่วยขายเหลืออยู่ประมาณ 17,000 หน่วยหรือประมาณ 10% ของหน่วยขายที่รอการขายในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
          สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดปี 2556 ที่ผ่านมามีอยู่ 15,500 หน่วย หรือเกือบ 13% ของหน่วยขายเปิดใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นโดยสัดส่วนแล้วพัทยามีการเปิดตัวคึกคักยิ่งกว่าในกรุงเทพมหานครเสียอีก ทั้งนี้ที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวส่วนใหญ่เป็นห้องชุดพักอาศัยถึง 15,000 หน่วย หรือประมาณ 88% ของทั้งหมดในพัทยา ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลสัดส่วนของห้องชุดมีเพียง 60% ในปี 2556 และ 50% ในครึ่งแรกของปี 2557 แสดงว่าห้องชุดเป็นที่อยู่อาศัยหลักในเมืองพัทยา สำหรับจำนวนหน่วยที่ขายได้ทั้งหมดในปี 2556 ขายได้ถึงประมาณ 16,000 หน่วย ทั้งนี้เป็นหน่วยขายของโครงการเก่าและใหม่ แต่ก็ถือว่าขายได้ดีมาก เพราะจำนวนหน่ายที่ขายได้ถึง 94% ของหน่วยขายที่เปิดตัวใหม่ในปีที่แล้ว
          สำหรับจำนวนที่ขายได้ในปี 2556 มีอยู่ 16,000 หน่วย รวมมูลค่า 51,000 ล้านบาท จำนวนที่ขายได้นี้พอ ๆ กับจำนวนที่เปิดใหม่ แสดงว่าตลาดยังขายดี โดยสินค้าที่มีผู้ซื้อมากที่สุด คือห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 5,800 หน่วย รองลงมาคือห้องชุดราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 3,500 หน่วย สินค้าที่ขายได้ยากเป็นห้องชุดราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้คงมีผู้ซื้อจำนวนจำกัดนั่นเอง
          มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่าในฝั่งชายทะเลของพัทยา (ฝั่งตะวันตกของถนนสุขุมวิท) แทบไม่มีโครงการอื่นเลยนอกจากอาคารชุดพักอาศัย ส่วนบริเวณถนนสุขุมวิทฝั่งตะวันออกยังมีบ้านเดี่ยว 60 โครงการ บ้านแฝด 16 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 20 โครงการ และตึกแถว 18 โครงการ จากทั้งหมด 180 โครงการในพื้นที่ของเมืองพัทยาและบริเวณโดยรอบ
          จะเห็นได้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในพัทยาเติบโตต่อเนื่องในฐานะเมืองอันดับ 2 ของประเทศไทย แต่อาจจะมีภาวะชะงักงันจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ้าง ซึ่งหวังว่าคงจะส่งผลกระทบในเวลาไม่นานนัก คาดว่าในครึ่งหลังของปี 2557 น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ประมาณ 10% เช่นเดี่ยวกับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และในปีหน้าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับบรรยากาศทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว