จบปี 2566 เริ่มปี 2567 ผมขออนุญาตสรุปการไปดูงานอสังหาริมทรัพย์ต่างแดนมาฝากทุกท่าน เผื่อท่านใดสนใจไปร่วมงานบ้าง
เบิกฤกษ์ขึ้นมาในช่วงปีใหม่ ผมก็พาศรีภริยาไปเที่ยวซาปาอันเลื่องชื่อทางเหนือของเวียดนามใกล้ชายแดนจีน นี่เป็นการไปครั้งแรกของผมทั้งที่สถานที่นี้มีชื่อเสียงมายาวนาน ผมจำได้ว่าในสมัยที่ผมเป็นที่ปรึกษากระทรวงการคลังของเวียดนามเมื่อสิบกว่าปีก่อน รองอธิบดีกรมประเมินที่นั่นเอ็นดูผมมาก กะจะพาผมไปเที่ยวซาปาก็หลายหน แต่ผมไม่เอา วันเสาร์-อาทิตย์ ผมรีบกลับมาหาลูกเมีย เลยเพิ่งได้ไป แต่ผิดหวังหนักเพราะช่วงที่ผมไปหมอกลงจัดมากแทบตลอดเวลา ภริยาผมอุตส่าห์เลือกโรงแรมและห้องพักสุดหรู แต่ก็แทบไม่ได้เห็นวิวเลย ยอดเขาสูงเด่นก็ไม่ได้ขึ้น เขาบอกเราควรขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นดีที่สุด
เดือนถัดมาในวันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ ผมก็ได้ไปเยือนกรุงกาฐมาณฑุอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มาทำวิจัยอีกตามเคย (คือไม่มาสอนก็มาทำวิจัยหรือประเมินค่าทรัพย์สิน) สภาพถนนดีกว่าแต่ก่อนบ้าง มีถนนคอนกรีตและลาดยางมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าล้าหลังกว่าไทยมาก น่าเสียดายจริงๆ
พอถึงวันที่ 9-11 มีนาคม ผมก็ไปสิงคโปร์ควบกัวลาลัมเปอร์ กล่าวคือผมไปบรรยายและประชุมที่สิงคโปร์ก่อน จากนั้นก็นั่งรถบัสมากรุงกัวลาลัมเปอร์ นัยว่าจะได้ประหยัดเงินค่าเครื่องบินและเป็นประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง พอมาถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ก็ได้มาประชุมใหญ่อีกทอดหนึ่ง
จากนั้นวันที่ 13-24 มีนาคม (ยาวไปเลย) ก็ไปประชุมที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสในฐานะกรรมการสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI) และไปทัวร์อิตาลี ตั้งแต่เจนัว มิลาน เวนิส ฟลอเรนท์ ปิซา และกรุงโรม ว่าจะไปให้ถึงภูเขาไฟวิสุเวียสในนโปลีซะหน่อย ภริยาถอดใจเสียก่อน เลยอดดูเลย
ในเดือนมิถุนายน ผมไปถึง 5 เมืองใน 4 ประเทศเลย โดยไปประชุม FIABCI World Congress ในระหว่างวันที่ 4-14 มิถุนายน 2566 เสร็จจากงานนี้ผมก็เดินทางไปนครนิวออร์ลีนส์ มลรัฐลุยเซียนา ซึ่งเป็นโปรแกรมพิเศษเฉพาะผมเท่านั้น เพราะผมไปศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนแคทรีนาที่พัดผ่านนครนี้เมื่อปี 2548 หรือราว 18 ปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นพายุดังกล่าวสร้างความเสียหายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
เมื่อกลับถึงกรุงเทพมหานครในเช้ามืดวันที่ 14 มิถุนายนแล้ว ก็ปรากฏว่าในบ่ายวันที่ 15 มิถุนายน ผมก็เดินทางไปนครปากเซ แขวงจำปาสัก เพื่อดูงานอสังหาริมทรัพย์ ได้พบปะกับกลุ่มนักธุรกิจและถือโอกาสท่องเที่ยวด้วย โดยผมเองเป็นคนจัดในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย จากนั้นในระหว่างวันที่ 24-25 มิถุนายน 2566 ผมก็ได้รับเชิญจากสมาคมอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเวียดนามให้ไปร่วมงานประชุมประจำปี และสุดท้ายในระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 ผมก็ไปนครเซบู ฟิลิปปินส์ โดยใน 2 วันแรก ผมไปสอนวิชาการประเมินค่าทรัพย์สิน นับเป็นการสร้างชื่อให้กับประเทศไทยโดยตรง และในช่วงหลังยังไปร่วมงานบรรยายในการประชุมวิชาการด้วย
จากนั้นในเดือนกันยายน ผมก็ไป 3 ประเทศใน 12 วัน ที่จาการ์ตา: ไปดูงานและบรรยาย โดยงานนี้เริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 เช้าวันนั้นผมออกเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงเทพมหานครโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เพื่อไปร่วมกิจกรรมดูงานอสังหาริมทรัพย์และผมยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติ งานนี้แล้วเสร็จในค่ำวันที่ 19 กันยายน จากนั้นในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2566 ผมก็เดินทางไปถึงกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เพื่อประเมินค่าทรัพย์สิน หลังจากนั้นในในวันจันทร์ที่ 25 กันยายน ผมก็ไปกรุงมะนิลาเพื่อบรรยายต่อ 2 งานของทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ และของสมาคมอสังหาริมทรัพย์ฟิลิปปินส์
สำหรับวันหยุดยาว 20-23 ตุลาคม ผมก็ไปเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊า ไม่ได้ไปเล่นการพนันหรอกครับ (ไม่ถนัด) ไปดูเมือง ไปคุยกับพันธมิตรธุรกิจซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ได้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ Update ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงกันตามสมควร
ต่อมาในวันที่ 27-31 ตุลาคม ผมเดินทางไปกรุงนิวเดลี ได้ไปบรรยาย ไปประชุมและยังได้มีโอกาสท่องเที่ยวตามประสาบ้างโดยสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและองค์กรรับรองผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศอินเดียเชิญผมไปบรรยายในงาน V20 Valuation Summit and Conference ผมเคยไปนิวเดลีหลายครั้งแล้ว แต่ก็อยากไป Update เช่นกันว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว จากที่ไปครั้งแรกๆ เมื่อยี่สิบปีก่อนที่มีวัวเดินกันเพ่นพ่านเต็มไปหมด
ในระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน ผมในฐานะนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI-Thai.org) ได้รับเชิญจากสมาคมนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งรัฐซาบะห์ มาเลเซีย ให้ไปร่วมงานเลี้ยงครบรอบ 45 ปีของสมาคมแห่งนี้ ผมจึงเดินทางไป ที่เขาเชิญผมเพราะเมื่อปีก่อนผมเชิญนายกสมาคมของเขามาบรรยายและร่วมในงานกาลาดินเนอร์ของสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล ปีนี้เขาจึงเชิญตอบแทน นับเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและน่าเที่ยวแต่คนไทยไม่ค่อยได้ไป
จากนั้นในเดือนเดียวกัน 8-10 พฤศจิกายน ผมในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินในนามของประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เดินทางไปประเมินค่าทรัพย์สินขนาดใหญ่ที่เมืองบาโกหรือกรุงหงสาวดีในอดีต ของประเทศเมียนมา ท่านใดมีทรัพย์สินให้ประเมินในต่างประเทศ โปรดบอกนะครับ
ตามด้วยวันที่ 23-27 พฤศจิกายน ผมได้รับเชิญจากสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินอินเดีย (Institution of Valuers India) ให้ไปประชุม Global Valuation Summit (GVS) ครั้งที่ 2 ณ นครมุมไบ (เดิมชื่อบอมเบย์) โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายประเทศ ทั้งนี้ในการประชุมครั้งแรกเมื่อปีก่อนซึ่งจัดขึ้นที่นครกูวาฮาติ รัฐอัสสัม ผมก็ได้รับเชิญไปเช่นกัน
ในระหว่างวันที่ 3-10 ธันวาคม ผมได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรในงานประชุม FIABCI Global Leadership Summit ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสมาคม FIABCI-Saudi Arabia เป็นเจ้าภาพ ผมก็ไม่เคยไปประเทศนี้เสียด้วย ก็เลยพาภริยาไปร่วมงานด้วย ก็ได้สาระความรู้และการต้อนรับที่ดีมาก
ส่งท้ายในระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ถึง 6 มกราคม 2567 ผมกับภริยาก็จะเดินทางไปเที่ยวประเทศจีน และต่อลงมาเที่ยวน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งตรงชายแดนจีนและเวียดนาม จากนั้นก็จะข้ามแดนมา เพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงฮานอย เนื่องจากผมมีกำหนดการไปประชุมและบรรยายที่กรุงฮานอยต่อไป
ผมดีใจที่ยังพอมีแรงเดินทางไปยังที่ต่างๆ อยู่เรื่อยๆ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดครับ
สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่
https://www.thaiappraisal.org/thai/journal/u_order.php?p=u_publicationb43.php