วันก่อนผมทำคลิปเตือนสติสื่อสารมวลชนไทยว่า รายการ TV ควรเลิกเอาคนบ้า ผู้วิเศษกำมะลองมาออกอากาศ อย่าหวังเรียก Rating หวังโฆษณา ขาดจรรยาบรรณ ปรากฏว่าท่าน พลเอกกิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ โทร มาสนับสนุนแนวคิดผม และให้ความรู้เพิ่มเติม ซึ่งผมเห็นว่า เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจึงขอนำมาเผยแพร่
ข่าวประเภทนี้จะไม่ปรากฏในข่าวหรือรายการโทรทัศน์ประเทศต่างๆ เลย เพราะวิญญูชนร่วมชาติอยู่แล้วว่าเป็นความเท็จและเป็นการกระพือข่าวเท็จให้สังคมสับสน เมืองไทย และบ่อยครั้งก็เป็นการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน สื่อมวลชนที่มีจรรยาบรรณจึงไม่เสนอข่าวเหล่านี้เด็ดขาด
ท่านยังบอกว่าขณะที่ท่านไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สังเกตว่าเรื่องที่ข่มขืนไม่มีในโทรทัศน์เลย คนไทยที่นั่นจึงเล่าให้ฟังว่า คดีเหล่านี้ก็มีในสหรัฐอเมริกามากเช่นกัน แต่เค้าไม่ออกข่าวจนกว่าจะมีการลงโทษเด็ดขาดเพื่อให้เป็นการป้องปรามอาชญากรรม ไม่ให้คนกล้าทำผิดในอนาคต
ในประเทศที่เจริญแล้ว จะไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเอิกเกริกเช่นในประเทศไทย ไม่ปล่อยให้ผู้สื่อข่าวรุมเอาไมโครโฟนจ่อปากผู้ต้องหาให้แถลงโน่นนี่นี่เช่นที่เห็นจนชินตาในข่าวของสื่อสารมวลชนในประเทศไทย
แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น สิงคโปร์ก็ห้ามเสนอข่าวเหล่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ “ทำตามใจคือไทยแท้” เขาไม่เอื้อให้สื่อมวลชนหากินกับข่าวประเภทนี้ เค้าจะนำเสนอว่าแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สิ่งที่ประเทืองปัญญา ไม่มีกำลังใจสร้างสรรค์ประเทศ ไม่ไปขลุก อยู่กับเรื่องชาวบ้าน
วันนี้ถึงเวลาปฏิรูปวงการสื่อสารมวลชนไทยแล้ว เช่น
1. ยกเลิกการเสนอข่าวคนบ้า ผู้วิเศษกำมะลองมาออกอากาศ
2. ยกเลิกการเสนอข่าวอาชญากรรมที่รุนแรง ยกเว้นข่าวการลงโทษเด็ดขาดต่อผู้กระทำผิดให้เป็นบทเรียน
3. ยกเลิกการเสนอข่าวชาวบ้านสัพเพเหระประเภท “ตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก”
4. ยกเลิกการนำเสนอข่าวที่สร้างความแตกแยกแก่ประชาชน
5. นำเสนอข่าวสารสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน
6. นำเสนอข่าวสารที่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม ฯลฯ
อันที่จริงท่านยังเสนอข้อคิดดีๆ อีกมากมายหลายประการแต่ผมจับความได้บางส่วน จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ หวังว่าผู้มีอำนาจจะนำไปพิจารณาปฏิรูปสื่อสารมวลชนไทย
โปรดดูคลิปนี้ประกอบ:
- Tiktok: https://www.tiktok.com/@dr.sopon4/video/7374008208450489601
- FB: https://www.facebook.com/dr.sopon4/videos/977320707131167/
หมายเหตุ
พลเอกกิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จบการศึกษาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 18, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 41, ปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต ทางรัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และปริญญาเอก มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เคยเป็นผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (อัตรา "พลโท") และได้รับโปรดเกล้าฯเป็น พลเอก เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดเมื่ออายุได้ 53 ปี โดยมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นเลขานุการส่วนตัวและหน้าห้องของ ชวน หลีกภัย ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม