ราคาอาหารล่าสุด ณ เดือนพฤศจิกายน 2557 หลังรัฐประหาร พฤษภาคม 2557 เพิ่มขึ้น 5.3% ตลอดระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่สำรวจ มีราคาเพิ่มขึ้น 16.6% หรือขึ้นปีละ 6.3% ซึ่งสูงกว่าอัตราภาวะเงินเฟ้อ แสดงถึงความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจที่พึงจับตามอง
แนวรบทางการเมืองแนวหนึ่งก็คือราคาอาหาร หลายท่านคงเคยได้ยิน ส.ส.บางท่านออกมาบอกว่าข้าวแกงจานละ 60 บาท หรือไข่ไก่ลูกละ 8 บาท เมื่อปี พ.ศ.2555 และเพื่อเป็นการพิสูจน์ทราบ จึงเกิดการสำรวจนี้ขึ้นซึ่งจัดทำโดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ราคาอาหารนับเป็นดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ดร.โสภณ จึงริเริ่มจัดทำการสำรวจราคาอาหารในทุกรอบครึ่งปี โดยที่ผ่านมาได้ทำการสำรวจดำเนินการใน 6 ครั้งดังนี้
ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2555
ครั้งที่ 2 วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ครั้งที่ 3 วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2556
ครั้งที่ 4 วันจันทร์ 11 พฤศจิกายน 2556
ครั้งที่ 5 วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2557 และ
ครั้งที่ 6 วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557
การสำรวจนี้ดำเนินการเฉพาะในพื้นที่สีลม-สุรวงศ์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจหรือ Central Business District (CBD) ของประเทศไทย และมีคนทำงานในสำนักงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้โดยมีสมมติฐานว่าราคาอาหารในย่านนี้น่าจะเป็นราคามาตรฐานเพราะเป็นในใจกลางเมือง ในบริเวณอื่นน่าจะถูกกว่านี้ ยกเว้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้ไปท่องเที่ยวเป็นครั้งคราว การสำรวจพื้นที่สีลม จึงถือเป็นตัวแทนสำคัญสำหรับกรุงเทพมหานครและประเทศไทยโดยรวม
การสำรวจนี้ ดร.โสภณ เดินสำรวจซ้ำตามร้านเดิมที่เคยสำรวจไว้จำนวน 20 กว่าบริเวณ บางบริเวณเป็นร้านอาหารร้านเดียว บางบริเวณเป็นศูนย์อาหาร พร้อมบันทึกถ่ายภาพนิ่ง และวีดีทัศน์ประกอบ และในบางบริเวณมีร้านค้าเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามห้วงเวลาอีกด้วย โดยแต่ละครั้งที่สำรวจใช้เวลาในการเดินไม่เกิน 2 ชั่วโมงในช่วงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน
ผลการสำรวจทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมา แสดงไว้ในตารางต่อไปนี้:
โดยสรุปพบว่าราคาอาหาร เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้นจาก 31.0 บาทในเดือนพฤษภาคม 2555 เป็น 31.8 บาทในเดือนพฤษภาคม 2556 ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2557 เพิ่มเป็น 34.3 และล่าสุดกลายเป็น 36.1 บาทในเดือนพฤศจิกายน 2557 หากคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจะพบว่า ในรอบ 6 เดือนล่าสุด (พฤษภาคม - พฤศจิกายน 2557) ราคาอาคารเพิ่มขึ้นถึง 5.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นกว่าภาวะเงินเฟ้อเสียอีก
เมื่อประเมินจากภาพรวมสะสม 2 ปีครึ่ง (พฤษภาคม 2555 - พฤศจิกายน 2557) ราคาเพิ่มจาก 31.0 บาท เป็น 36.1 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.6% และหากคิดเป็นการเพิ่มขึ้นต่อปี ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นประมาณ 6.3% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร เพราะสูงกว่าอัตราภาวะเงินเฟ้อ
มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า อาจมีบางบริเวณ เช่น เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองอุตสาหกรรมที่มีการปรับเพิ่มของราคาขายมากกว่านี้ หรือสำหรับรายการอาหารแบบฟาสต์ฟูด ก็อาจปรับราคาเพิ่มขึ้นตามอำเภอใจโดยไม่ได้มีการควบคุม แต่สำหรับประชาชนกันเอง ย่อมมีความเห็นใจและถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามสมควร จึงทำให้แทบไม่มีการปรับราคาขาย
ในกรณีนี้บางท่านอาจตั้งข้อสังเกตว่า แม้ราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณอาจจะลดน้อยลง แต่จากการสังเกตก็พบว่า ปริมาณก็ยังพอ ๆ กับแต่เดิม ไม่ได้ปรับลงปริมาณลงแต่อย่างไร อย่างไรก็ตามก็ยังอาจมีบางท่านให้ข้อสังเกตว่า แม้ปริมาณจะคงเดิม แต่คุณภาพก็อาจลดลง แต่ข้อนี้ ผู้สำรวจคงไม่สามารถไปตรวจสอบในรายละเอียดในระดับนั้น และคงอยู่ที่วิจารณญาณของทุกท่านที่พิจารณาผลการสำรวจนี้
ทำไมราคาสินค้าดูปรับเพิ่มขึ้นมาก แต่ราคาอาหารไม่ได้เพิ่มขึ้นมากในสัดส่วนเดียวกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการทำอาหารออกมาขายเป็นจำนวนมากนั้น มีต้นทุนค่าวัตถุดิบถูกกว่าการซื้อของใช้เองตามบ้าน มีโอกาสที่ผู้ค้าอาจลดปริมาณและคุณภาพลงบ้างเช่นกัน หรือเลือกขายในสินค้าที่ใช้วัตถุดิบไม่แพงนัก เช่น ใช้ผักตามฤดูกาล หรือใช้เนื้อหมู ไก่ ซึ่งราคายังไม่เพิ่มมากเท่าปลา เป็นต้น
จากการสัมภาษณ์ผู้ค้าพบว่า ราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นบ้างนั้น ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อราคาอาคารที่ขายเป็นปริมาณมาก ๆ ในแต่ละวัน สิ่งที่ส่งผลที่เด่นชัดกว่าก็คือ ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกเพื่อการขายอาหาร หากค่าเช่าแพงขึ้นมาก ก็จะทำให้ราคาอาหารเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลหรือกรุงเทพมหานคร อาจช่วยจัดหาพื้นที่ค้าขายในราคาถูก เพื่อให้ผู้ค้าสามารถยืนหยัดขายในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพแก่ประชาชน
จะเห็นได้ว่าราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้นบ้าง แต่อาจไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก ผู้ค้าก็มีความพยายามที่จะดูแลผู้ซื้อ ดังนั้น การกล่าวโดยไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงว่าราคาอาหารแพงขึ้นเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นความหวังดีที่ต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้กับสังคม แต่อันตรายประการหนึ่งก็คืออาจทำให้ผู้ค้าบางรายฉวยโอกาสขึ้นราคา ซ้ำเติมประชาชนได้ ดังนั้นการนำเสนอข่าวสารต่าง ๆ จึงควรมีความรับผิดชอบ และผู้เสพข้อมูลควรใช้วิจารณญาณ
อย่างไรก็ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค ด้านอาหารสด ประจำเดือนตุลาคม 2557 พบว่า เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า {1} ในขณะที่ราคาบ้าน อาคารชุดและที่ดินเปล่าในเขตกรุงเทพมหานครโดยรวมที่สำรวจโดย ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เพิ่มขึ้นประมาณ 5% เช่นกัน
การที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้นมากถึง 5.3% ในรอบ 6 เดือนล่าสุด แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะฝืดเคืองในปัจจุบัน อันจะส่งผลต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะต้องใช้จ่ายเงินกับเรื่องชีวิตประจำวันโดยเฉพาะอาหารมากขึ้น ดังนั้นศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ.2557 จะลดลงจากปี พ.ศ.2556 ประมาณ 20% {2}
รัฐบาลและ คสช. จึงควรเร่งรัดสร้างผลงานด้วยการตรึงราคาอาหารให้เกิดประสิทธิผล
อ้างอิง
{1} โปรดดูข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ www.indexpr.moc.go.th/price_present/cpi/stat/others/report_core2.asp
{2} โปรดดู 9 เดือนแรกอสังหาฯ เปิด 235,000 ล้าน คาดทั้งปี 320,000 ล้าน www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement776.htm