มักมีคำกล่าวอ้างว่า ถ้าให้ต่างชาติมาอยู่ในไทยมากมาย จะทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น มันจริงหรือไม่ แม้แต่อดีตนายกฯ ดร.ทักษิณก็ยังเชียร์ในเรื่องนี้ มาวิเคราะห์ให้ชัดเจนถึงแก่นกัน
จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติที่ปรากฏใน Wikipedia ปี 2562 พบว่าประเทศทั่วโลกมีคนต่างชาติไปอยู่ประมาณ 3.5% หรือราว 271,642,105 คน มาดูประเทศเหล่านี้มีคนต่างชาติไปอยู่มากมายเกิน 30% ของประชากรของตนเอง
ตารางที่ 1: ประเทศที่มีสัดส่วนประชากรต่างชาติอยู่มากที่สุด | |||
ประเทศ | จำนวนคน | ร้อยละ | เหตุผลหลัก |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 8,587,256 | 87.9 | ขายแรงงาน |
กาตาร์ | 2,229,688 | 78.7 | ขายแรงงาน |
คูเวต | 3,034,845 | 72.1 | ขายแรงงาน |
มาเก๊า | 399,572 | 62.4 | ขายแรงงาน |
ลักเซมเบอร์ก | 291,723 | 47.4 | ขายแรงงาน |
โอมาน | 2,286,226 | 46 | ขายแรงงาน |
บาห์เรน | 741,161 | 45.2 | ขายแรงงาน |
ฮ่องกง | 2,942,254 | 39.6 | ขายแรงงาน |
ซาอุดิอารเบีย | 13,122,338 | 38.3 | ขายแรงงาน |
สิงคโปร์ | 2,155,653 | 37.1 | ขายแรงงาน รับผู้อพยพ |
จอร์แดน | 3,346,703 | 33.1 | รับผู้อพยพ |
ออสเตรเลีย | 7,549,270 | 30 | ขายแรงงาน รับผู้อพยพ |
สวิตเซอร์แลนด์ | 2,572,029 | 29.9 | รับผู้อพยพ |
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_sovereign_states_by_immigrant_and_emigrant_population |
จะเห็นได้ว่าประเทศเกือบทั้งหมดที่มีประชากรต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ก็เพราะมาขายแรงงานเป็นสำคัญ และบางส่วนอาจมีการรับผู้อพยพเข้าไปอยู่บ้าง ทั้งนี้ยังมีประเทศยุโรปตะวันตกที่รับผู้อพยพเข้าไปอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และประเทศสแกนดิเนเวีย เป็นต้น
อย่างในกรณีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะพบว่าประชากรจำนวนมากมาจากต่างประเทศโดยในจำนวนประชากรทั้งหมด 13,149,612 คน เกือบ 90% เป็นชาวต่างชาติ โดยอินเดียมีจำนวนประชากรเป็นอันดับหนี่งถึง 4.75 ล้านคน หรือ 37.96% ของทั้งหมด รองลงมาก็คือปากีสถาน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อิหร่าน อียิปต์และเนปาล
ตารางที่ 2: ประชากรชนชาติต่างๆ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | ||
ประเทศ | ล้านคน | % ต่อประชากรรวม |
อินเดีย | 4.75 | 37.96% |
ปากีสถาน | 2.09 | 16.72% |
บังคลาเทศ | 0.92 | 7.38% |
ฟิลิปปินส์ | 0.86 | 6.89% |
อิหร่าน | 0.59 | 4.72% |
อียิปต์ | 0.53 | 4.23% |
เนปาล | 0.39 | 3.15% |
ศรีลังกา | 0.39 | 3.15% |
จีน | 0.27 | 2.16% |
ที่มา: https://www.globalmediainsight.com/blog/uae-population-statistics/ |
หากเจาะลึกเฉพาะในสิงคโปร์จะพบว่าประชากรของประเทศที่ไปอยู่มากที่สุดก็คือฟิลิปปินส์ รองลงมาคือจีน อินโดนีเซีย ตามลำดับ โปรดดูตารางนี้:
ตารางที่ 3: ชนชาติผู้อพยพในสิงคโปร์ | ||
ประเทศ | จำนวนคน | เหตุผลหลัก |
มาเลเซีย | 1,132,924 | มาใช้แรงงานมีฝีมือและไร้ฝีมือ |
จีน | 426,434 | มาทำธุรกิจเป็นหลัก |
อินโดนีเซีย | 159,685 | มาพักเงินและมีที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ |
อินเดีย | 144,970 | มาขายแรงงานและทำธุรกิจ |
ปากีสถาน | 126,848 | มาขายแรงงาน |
บังคลาเทศ | 79,857 | มาขายแรงงาน |
ฮ่องกง | 65,867 | มาทำธุรกิจ |
ไทย | 18,253 | มาขายแรงงาน |
ฟิลิปปินส์ | 14,944 | มาขายแรงงาน |
ที่มา: https://www.statista.com/statistics/692951/asian-immigrant-stock-of-singapore-by-country-of-origin/ |
จะเห็นได้ว่าประเทศเพื่อนบ้านต่างมาขายแรงงานในประเทศสิงคโปร์ ณ สิ้นปี 2566 หากพิจารณารายได้ประชาชาติต่อหัว(GDP per capita) ของชาวสิงคโปร์จะพบว่ามีรายได้สูงถึง 88,953 เหรียญสหรัฐต่อคน ในขณะที่ไทยมีรายได้เพียง 7,362 เหรียญสหรัฐ แสดงว่ารายได้ต่อหัวของสิงคโปร์มีขนาดเป็น 12 เท่าของไทย สัดส่วนนี้ถ่างห่างออกไปมาก เพราะเมื่อราว 20 ปีก่อน รายได้ต่อหัวของสิงคโปร์มีขนาดเพียง 5 เท่าของไทยเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม ก็มีประเทศที่มีประชากรต่างชาติในสัดส่วนที่น้อยมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็น่าศึกษาดูว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ประเทศที่ไม่ค่อยมีไปใครอยู่อาศัย มีสัดส่วนของผู้อพยพเข้าไปอยู่น้อยมาก ได้แก่ จีน ซึ่งมีสัดส่วนประชากรเพียง 0.1% รองลงมาก็คืออินโดนีเซีย เมียนมาและเวียดนาม ประเทศเหล่านี้อาจไม่ต้อนรับชาวต่างชาตินัก เช่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และเกาหลีเหนือ ส่วนบางประเทศก็มีปัญหาทางการเมือง เช่น เกาหลีเหนือ เมียนมา เป็นต้น
ตารางที่ 4 : ประเทศที่มีสัดส่วนประชากรต่างชาติน้อยที่สุด | |||
ประเทศ | จำนวนคน | ร้อยละ | เหตุผลหลัก |
จีน | 1,030,871 | 0.1 | ไม่ต้อนรับเท่าที่ควร |
อินโดนีเซีย | 353,135 | 0.1 | ไม่มีอะไรดึงดูดมากนัก |
เมียนมา | 75,998 | 0.1 | ภาวะเศรษฐกิจและการเมือง |
เวียดนาม | 76,104 | 0.1 | ไม่ต้อนรับเท่าที่ควร |
เกาหลีเหนือ | 49,393 | 0.2 | ไม่ต้อนรับ |
ฟิลิปปินส์ | 218,530 | 0.2 | โอกาสทำธุรกิจอาจจำกัด |
ศรีลังกา | 40,018 | 0.2 | โอกาสทำธุรกิจอาจจำกัด |
โมร็อกโก | 98,574 | 0.3 | โอกาสทำธุรกิจอาจจำกัด |
โซมาเลีย | 52,131 | 0.3 | ความไม่สงบภายในประเทศ |
อาฟกานิสถาน | 149,762 | 0.4 | ความไม่สงบภายในประเทศ |
บราซิล | 807,006 | 0.4 | ไม่ต้อนรับเท่าที่ควรและภาษาโปรตุเกส |
อินเดีย | 5,154,737 | 0.4 | อยู่ยาก ไม่ต้อนรับเท่าที่ควร |
กัมพูชา | 78,649 | 0.5 | ไม่มีอะไรดึงดูดมากนัก |
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_sovereign_states_by_immigrant_and_emigrant_population |
จีนเป็นประเทศที่มีประชากรอพยพไปอยู่ประเทศอื่นมากที่สุดก็ว่าได้ แต่กลับมีชาวต่างประเทศไปอยู่จีนในสัดส่วนที่น้อยบางท่านอาจแย้งว่าจีนมีประชากรต่างชาติถึง 1,030,871 คน แต่ก็ติดอันดับที่ 53 ก็ไม่น้อยใช่หรือไม่ หากนับตามจำนวนประชากรต่างชาติ ก็ยังน้อยกว่าไทยที่มีประชากรต่างชาติถึง 3,635,085 คน ยิ่งกว่านั้นฮ่องกง ก็มีประชากรต่างชาติมากกว่าจีนหลายเท่าตัว คือมีถึง 2,942,254 คน ส่วนสิงคโปร์ก็มีประชากรต่างชาติ 2,155,653 คน
ในกรณีประเทศไทย ตามข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว เกี่ยวกับสถิติจำนวนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร ณ เดือนกรกฎาคม 2567 พบว่าเป็นแรงงานเมียนมา กัมพูชา และลาวเป็นหลัก กลุ่มที่เป็นแรงานมีทักษะมีอยู่เพียง 182,082 คน โดยเป็นกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพียง 56,143 คน ที่เหลือ 125,939 คน เป็นกลุ่มทั่วไป ดังนั้นโอกาสที่จะคิดให้มีการมาอยู่อาศัยในไทยนับล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นแค่ “ความฝัน” ที่ไม่เป็นจริงเท่านั้น มีไว้เพื่ออ้างโดยหวังให้ต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยให้ได้
อย่างกรณี Golden Visa ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ปรากฏว่ามีผู้ได้รับถึง 158,000 รายในปี 2566 ส่วนในปี 2565 ได้รับ 79,617 รายและ ปี 2564 ได้รับ 47,150 ราย รวม 5 ปีคงได้รับไม่เกิน 330,000 ราย แต่โอกาสที่ไทยจะมีคนเข้ามาเป็นล้านคนใน 5 ปี จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (https://shorturl.at/Rw0Uv) และการอยู่อาศัยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็เป็นการอยู่ทำธุรกิจเป็นสำคัญ เพราะขณะนี้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจในภูมิภาคไปเสียแล้ว
ในปัจจุบันคาดว่ามีคนจีนจากประเทศจีนเข้ามาอยู่ในไทยไม่เกิน 200,000 คน โดยในปี 2565 มีราว 110,000 คน (https://shorturl.at/ACnR9) และน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนเหล่านี้คงไม่เหมือนคนจีนเมื่อเกือบร้อยปีก่อนที่อพยพเข้ามาแบบเสื่อผืนหมอนใบ แต่มาแบบนายทุนและได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลให้ออกมาทำกินนอกประเทศ คนเหล่านี้อาจมีอิทธิทางการเงินและทางการเมืองในประเทศไทยได้ในอนาคต โดยดูจากกรณี “ตู้ห่าว” ที่มีการซื้อบ้านในโครงการจัดสรรเป็นจำนวนมาก
โอกาสที่ต่างชาติมาอยู่ในไทยก็อาจไม่ได้ใช้แรงงานไทย อย่างจีนก็อาจขนแรงงานมาจากประเทศของตนเอง รัสเซียก็ขนช่างทำผม และแอพเรียกแท็กซี่ของตนเอง (ที่ภูเก็ต) คนต่างชาติเหล่านี้อาจไม่ได้ใช้แรงงานไทย อาจว่าจ้าง “คนใช้” จากแรงงานเมียนมา ลาวและกัมพูชา ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แถมจีนเทาๆ ก็อาจก่ออาชญากรรมต่างๆ ครอบงำข้าราชการได้ ทำให้มีอิทธิพลทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง
การให้ต่างชาติมาอยู่ไทยจึงไม่ใช่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้