ที่จังหวัดภูเก็ต มีวิลล่าขายในราคา 100 ล้านขึ้นไปอยู่มากพอสมควร สถานการณ์วันนี้สบายดีหรือไม่ ต้องฟังข้อมูลจาก ดร.โสภณ ซึ่งสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตมาตั้งแต่ปี 2537
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2567 มีที่อยู่อาศัยที่ขายในราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปเพียง 17 โครงการจากทั้งหมด 248 โครงการ หรือเพียง 6% มีจำนวนหน่วยเพียง 162 หน่วย หรือเพียง 1% ของทั้งหมดจำนวน 18,424 หน่วยทั่วเกาะภูเก็ต แต่มีมูลค่ารวมกันถึง 20,775 ล้านบาท หรือ 11% ของมูลค่ารวมทั้งหมด 181,661 ล้านบาท แสดงว่าที่อยู่อาศัยกลุ่มเล็กๆ นี้ มีมูลค่ารวมถึงหนึ่งในเก้าของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด ซึ่งไม่ธรรมดาเลย
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (กลางปี 2566 – กลางปี 2567) ที่อยู่อาศัย 162 หน่วยนี้ ขายได้แล้ว 58 หน่วย ยังเหลือขายอยู่ 104 หน่วย เท่ากับขายได้เพียง 36% ของทั้งหมด ในขณะที่ภาพรวมการขายทั้งหมดในภูเก็ต ขายไปแล้ว 8,961 หน่วย หรือ 49% ของทั้งหมด 18,424 หน่วย การที่บ้านราคาเกิน 100 ล้านบาทนี้ขายได้ในสัดส่วนที่น้อยกว่าก็เพราะเป็นสินค้าราคาแพง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากอัตราการขายได้ต่อเดือด ปรากฏว่าที่ภูเก็ตขายได้เดือนละ 11.7% โดยเฉลี่ย ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร ในขณะที่บ้านราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป สามารถขายได้ถึงประมาณ 19% ต่อเดือน แสดงว่าขายได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป ทำให้เหลือระยะเวลาในการขายอีกราว 5.3 เดือนก็ขายหมด ในขณะที่ทั่วเกาะภูเก็ต จะมีสินค้าพอขายได้อีกราว 8.6 เดือน (หากไม่มีการผลิตโครงการใหม่ออกมา)
บ้านวิลล่าราคา 100 บาทขึ้นไป สามารถขายได้ 26 หลัง มูลค่าการขายเป็นเงินถึง 3,612 ล้านบาท ทำให้ราคาขายสูงถึง 139 ล้านบาท (ราวๆ 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยเฉลี่ย แสดงให้เห็นสินค้าราคาแพงเหล่านี้กลับเป็นที่นิยม โดยเฉพาะชาวไทยที่มีฐานะดีมากและชาวต่างประเทศที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย อัตราการขายต่อเดือนสูงถึง 17% ในขณะที่อัตราการขายต่อเดือนโดยรวมอยู่ที่เพียง 8.5% แสดงว่าสินค้าราคาแพงนี้กลับเป็นที่ต้องกาของตลาดผู้มีรายได้สูงในภูเก็ต
ส่วนห้องชุดตากอากาศราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ขายได้ 32 หน่วย รวมมูลค่า 3,826 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 120 ล้านบาท อัตราการขายได้ต่อเดือนก็ค่อนข้างสูงถึง 21% ต่อเดือน และคาดว่าจะหมดใน 4.7 เดือน (ถ้าไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่ในความเป้นจริง มีโครงการใหม่เกิดขึ้นไม่ขาด อาจกล่าวได้ว่าห้องชุดตากอากาศ ผู้ซื้อเป็นคหบดีชาวไทย และนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับตัวอย่างโครงการสุดหรูก็เช่น “บันยัน ทรี แกรนด์ เรสซิเดนซ์ - บีช เทอเรซ” ( Banyan Tree Grand Residences – Beach Terraces) โครงการวิลล่านี้สูง 3.5 ชั้น เปิดตัวเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 15 หน่วย ส่วนใหญ่มีผู้จองแล้ว มีบ้านแบบเดียวคือขนาด 3 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ มีขนาดอาคาร 417 ตารางเมตร และขายในระดับราคา 103.9 ล้านบาท ทั้งนี้จุดเด่นของโครงการก็คือเป็นพูลวิลล่าหรูวิวทะเลอันดามันในทำเลริมชายหาด พร้อมลิฟต์ส่วนตัวโดยระเบียงบนชั้นดาดฟ้าที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบอินฟินิตี้และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ที่ต้องการที่พักริมทะเล และใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก ร้านบูติก ศูนย์การค้า บาร์ สนามกอล์ฟ เป็นต้น
ในอนาคตการพัฒนาสินค้าราคาแพงนี้จะทำได้ยากขึ้นด้วยข้อจำกัดของที่ดิน จึงเชื่อว่าในอนาคตสินค้าประเภทนี้จะหายากขึ้น ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า