ในทุกเดือนที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  ได้รายงานภาวการณ์เปลี่ยนแปลงราคาที่อยู่อาศัยในฐานะที่เป็นตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก
          ในไตรมาสที่ 3/2552 พบว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้น 0.2% นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 3 แล้วหลังจากที่ตกต่ำมานับแต่ปี 2550 ถ้านับจากไตรมาสที่ 3/2551 จะพบว่าราคาบ้านในสหรัฐอเมริกายังลดลงไป 3.8% ซึ่งนับว่าเป็นการลดลงที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อนที่ลดลงนับสิบเปอร์เซ็นต์
          สำหรับราคาบ้าน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 พบว่าการเปลี่ยนแปลงราคาเท่ากับศูนย์ คือราคาคงที่เมื่อเทียบกับเดือน สิงหาคม 2552 และจากการติดตามผลทุกเดือนพบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2552 ราคาบ้านกลับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องกัน 3 เดือน ส่วนเดือนสิงหาคมกลับตกต่ำลง 0.5% และมาทรงตัวในเดือนกันยายน 2552
          ตัวเลขดังกล่าวข้างต้นเป็นการยืนยันถึงภาวะ “เลือดหยุดไหล” ของราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาในระยะสั้นนี้เป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตามหากราคาบ้านตกต่ำลงไปอีก อาจแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอาจไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด ดังนั้นศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด
          สำหรับในรายละเอียดพบว่าราคาบ้านในแถบแปซิฟิก และแถบแอตแลนติกใต้ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการตกต่ำของราคาสูงสุดในแต่ละเดือนที่ผ่านมา กลับมาราคาเป็นบวก หรือเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว กรณีนี้เป็นการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า “เลือดหยุดไหล” แล้วในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ส่วนพื้นที่ที่ราคาตกต่ำลงเล็กน้อย กลับเป็นพื้นที่ที่แต่เดิมไม่ได้มีราคาลดลงมากนัก แต่การที่พื้นที่เหล่านี้มีราคาลดลง คงเป็นเพราะการตกต่ำที่เป็นไปตามระลอกคลื่นไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
          ในจำนวนทั้งหมด 51 มลรัฐมีเพียง 7 รัฐที่ราคาบ้านยังเพิ่มขึ้นในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คือ เนบราสกา (2.60%) เวอร์มอนท์ (2.16%)  แคนซัส (1.56%) ไอโอวา (1.28%) โอกลาโฮมา (1.27%) มิสซิสซิปปี (0.34%) และนอร์ทดาโกตา (0.07%) ที่เหลือราคาตกต่ำลง โดยมี 4 มลรัฐที่ตกต่ำหนักสุดคือ เนวาดา (24.45%), อริสโซนา (17.13%) ฟลอริดา (13.42%) และยูทาห์ (10.49%)
          สำหรับมหานครที่ราคาตกต่ำมากเป็นพิเศษได้แก่ ลาสเวกัส ซึ่งเป็นเมืองการพนัน มีราคาตกต่ำลงถึง 22.46% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา  ส่วนอีกนครหนึ่งคือเมอเซด ที่ตกต่ำลง 18.59% ในรอบ 1 ปี แต่หากเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับว่าราคาตกต่ำลงไปแล้วถึง 45.8%  หรือราคาลดลงไปครึ่งหนึ่ง การตกต่ำลงของราคาบ้านในกรณีนี้ นับว่ายังน้อยกว่าแต่เดิมที่มีการตกต่ำลงมากกว่าในระยะหลังเสียอีก
          จะสังเกตได้ว่านครที่มีราคาตกต่ำลงมากเป็นพิเศษ 20 แห่งแรก ส่วนมากอยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และมลรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการเก็งกำไรกันมากเป็นพิเศษ หากสืบค้นข้อมูลเลยไปจนถึงการตกต่ำครั้งก่อนหน้านี้ คือ เมื่อ พ.ศ.2531 จะพบว่า นครที่เคยมีการเพิ่มราคาสูงสุด จะมีราคาตกต่ำมากที่สุด และนครที่เคยตกต่ำเมื่อครั้งก่อน มักเป็นนครที่ตกต่ำในช่วงล่าสุดนี้เช่นกัน
          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส มีความเห็นสรุปว่า มีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสหรัฐอเมริกาจะมีสถานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงขึ้น โดยพิจารณาจากเครื่องชี้ทางด้านราคาที่อยู่อาศัย เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวมากขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อประเทศไทย และทำให้เศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ไทยมีความมั่นคงเพิ่มขึ้นในอนาคต