34 ชั่วโมง ไป-กลับกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ ด้วยรถทัวร์ อายุ 66 ปียังไหว (หรือเปล่า?)
ในระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2567 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเวียงจันทน์ เพราะได้รับการยืนยันด่วนจากกรุงเวียงจันทน์ ให้ไปนำเสนอผลการประเมินค่าเขื่อน 28 แห่งในลาว โดยได้รับคำยืนยันตอน 1 ทุ่มของค่ำวันที่ 19 พฤศจิกายน จะขึ้นเครื่องไปก็ไม่ทันแล้ว เลยต้องนั่งรถทัวร์ไป!
ปฏิบัติการเริ่มต้นในเวลา 20:30 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน ผมเดินทางไปขึ้นรถทัวร์นครชัยแอร์ เลือกเที่ยว 22:00 น. เพื่อให้ไปถึงอุดรธานีเวลา 06:00 น. จะได้ต่อรถข้ามฝั่งไปเวียงจันทน์เที่ยวแรกในเวลา 07:00 น. ระหว่างรอรถและอยู่บนรถก็ปั่นบทความส่งให้กรุงเทพธุรกิจและเสร็จพอดีส่งตอนเที่ยงคืน จากนั้นก็หลับยาวจนถึงอุดรธานี
การประชุมเพื่อนำเสนอผลการประเมินค่าเขื่อน 21 แห่งในประเทศลาว วันที่ 20 พฤศจิกายน ทั้งเช้ารอบและบ่ายอีกรอบก็เสร็จสิ้นลงในเวลา 15:30 น. ทางเจ้าภาพจึงพามาซื้อตั๋วรถบัสกลับอุดรธานีเที่ยว 17:00 น. ระหว่างรอรถบัสก็พบแฟนคลับหลายท่าน ท่านหนึ่งเมตตาให้พระและยังซื้อน้ำให้ดื่มอีกด้วย อีกท่านหนึ่งเป็นพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่อยู่แถวนั้น และยังมีอีกหลายท่านที่มาขอถ่ายรูปไว้ตอนเช้าที่มาถึง และตอนขากลับ
มาถึง สถานี บขส อุดรธานี เวลาประมาณ 19:00 น. ผมก็ถามคนรถทัวร์แถวนั้นคนหนึ่งว่ารถนครชัยแอร์กลับกรุงเทพฯ จอดที่นี่หรือเปล่า เขาก็บอกจอดและชี้ไปที่ช่องที่ 1 ผมถามย้ำเขาก็ตอบเช่นเดิม แต่เมื่อทราบความจริงในภายหลังว่ารถนครชัยแอร์มาส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ และจอดที่นี่ในช่วงเช้าเท่านั้น ตอนขากลับเขาจอดที่สถานีนครชัยแอร์ที่เดียว นี่ถ้าผมรอก็คงตกรถและคงได้นั่งรถร่วมรายอื่นที่อาจพอมีหลงเหลืออยู่ที่สถานี บขส บ้าง
ไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าคนอุดรฯ เป็นอย่างนี้ครับ นี่แค่รายเดียว และอาจไม่ใช่คนอุดรฯ ด้วย ที่เขียนไว้ก็เพียงเพื่อเตือนใจว่า ”อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน“ ต้องรู้จักฉุกคิดด้วยครับ เพื่อนชาวอุดรฯ ของผมใจดีทุกคน รวมทั้งแฟนคลับที่พบในช่วงเช้าและช่วงค่ำที่สถานี บขส แห่งนี้ และโดยที่ผมมาถึงก่อนกำหนดขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ผมเหลืออาหารที่ฟู๊ดคอร์ดของข้างเซ็นทรัลอิ่มอร่อยแล้วจึงไปขึ้นรถกลับ
ตลอดเวลาที่เดินทางกลับโดยรถนครชัยแอร์ ผมก็ได้นอนหลับสบายตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเกือบ 04:30 น. ของวันที่ 21 พฤศจิกายนและรถเดินทางมาถึงในเวลาเกือบ 06:00 น. จากกำหนด 05:00 น. เพราะติดการซ่อมถนนพหลโยธินช่วงกาญจนาภิเษกนั่นเอง จากนั้นผมก็นั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านในเวลา 06:30 น. สิริรวมแล้วปฏิบัติการนี้เป็นเวลา 34 ชั่วโมงโดยบริบูรณ์
ปฏิบัติการแบบผมนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย โดยเฉพาะผู้สูงวัยหรือผู้มีอันจะกินอาจรู้สึกไม่สะดวก แต่ผมประเมินดูแล้วน่าจะยังสู้ไหว จึงถือเป็นการทดสอบร่างกายไปในตัว แต่ก็พยายามเซฟตัวเองเช่นไม่ดื่มน้ำมากเพราะไม่อยากเข้าห้องน้ำบนรถหรือณสถานี บขส เพราะอาจไม่ถูกสุขลักษณะมากนัก เพื่อนร่วมโรงเรียนเทพศิรินทร์ของผมท่านหนึ่งที่แต่ก่อนเครื่องบินยังไม่ค่อยสะดวกต้องเดินทางกลับบ้านที่มุกดาหาร เค้าถึงขนาดแทบไม่กินน้ำตั้งแต่ช่วงบ่ายของการเดินทางแล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่ทำเช่นนี้ก็ประหยัดดี ค่าเดินทางรวมแล้วไม่เกิน 1,500 บาท แต่ถ้าขึ้นเครื่องบินในห้วงเวลารีบด่วนก็เป็นเงิน 15,000 บาท แต่ถ้าจองล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์ก็อาจเพียงแค่ 5,000 บาท แถมใช้เวลาสั้นกว่านี้มาก (ปกติผมก็ขึ้นเครื่องบินไป) แต่ก็อาจต้องพักโรงแรมสักหนึ่งคืนเพื่อตามเที่ยวบินกลับในเช้าวันรุ่งขึ้นอยู่ดี
อันที่จริงจำนวนเงินที่ประหยัดประมาณ 10,000 บาทเศษก็ไม่มากหากเทียบกับรายได้ที่คิดเป็นวันของผม แต่อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผม ที่ชอบการผจญภัย การทดสอบร่างกาย การเรียนรู้ชีวิตบ้านๆ และการละทิ้งฟอร์มหรือแนวคิดแบบศักดินาที่บางคนอาจต้องมีคนคอยรับใช้ ผมชอบชีวิตแบบเสรีชนมากกว่าครับ
ปล.
1. ผมเพิ่งทราบว่ามีรถนครชัยแอร์จากกรุงเทพฯ ถึงกรุงเวียงจันทน์เป็นเงิน 900 บาทเศษ น่าสนใจเหมือนกันครับ
2. หลังจากกลับมาถึงผมก็ไปส่งหลานสองคนไปโรงเรียน ไปติดต่อราชการและมีคิวสอนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงบ่ายด้วยครับ