นิราศสิงคโปร์: ตะลุยไม่หยุด
  AREA แถลง ฉบับที่ 1085/2567: วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2567

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

           

            ไปสิงคโปร์งวดนี้ถือเป็นการอยู่เมืองอย่างจริงจังครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่เคยไปครั้งแรกเมื่อปี 2529 ผมได้เดินทางไปหลาย 10 ครั้งพบเห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ แทบทุกครั้ง

            ในระหว่างวันพุธที่ 27 ถึงวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผมได้เดินทางไปสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกที่ผมย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน (พ.ศ.2529) โดยปีนั้นผมเดินทางกลับจากประเทศเบลเยียมได้ทุนการศึกษาจากองค์การการศึกษาชาติให้ศึกษา ณ มหาวิทยาลัยคาธอลิกลูแวง

            การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปประเทศเบลเยียมใช้สิงคโปร์แอร์ไลน์ซึ่งในสมัยนั้นจะบินมาจอดที่ดอนเมืองก่อนเพื่อมารับผู้โดยสารเพิ่ม เดี๋ยวค่อยบินไปพักเครื่องที่กรุงไคโร แล้วค่อยบินต่อไปประเทศเบลเยียม ขากลับเมื่อไหร่ผมจะไปสิงคโปร์ก็ต้องมาจอดที่กรุงเทพฯ ก่อนเพื่อผู้โดยสารลงแล้วจึงไปจอดสุดท้ายที่สิงคโปร์ นี่แสดงว่าสมัยนั้นไทยยังเป็นศูนย์กลางการบินอยู่ แต่ปัจจุบันสิงคโปร์บินตรงไปได้ทั่วโลกเอง

            ในครั้งที่ไปถึงสิงคโปร์ครั้งแรกในปี 2529 เขายังไม่มีรถไฟฟ้า ซึ่งต่อมาสร้างเสร็จในปี 2530 ก็ถือว่าเสร็จก่อนไทยถึง 12 ปี เพราะของไทยเปิดในปี 2542 การเดินทางเข้าเมืองในสมัยนั้นยังใช้แท็กซี่หรือรถบัสอยู่เลย เดี๋ยวนี้สะดวกสบายกว่าเดิม สมัยนั้นสิงคโปร์ยังมีผู้ค้าบริการทางเพศ โดยมีความสอดบัตร “นางทางโทรศัพท์” ผ่านประตูห้องพักในชุมชนแออัด สมัยนั้นยังมีชุมชนแออัดอยู่บ้างแต่ในภายหลังก็ไม่มีแล้ว

            สำหรับครั้งล่าสุดนี้ โดยที่เจ้าภาพออกค่าที่พักและค่าเดินทางให้ ผมจึงใช้บริการการบินไทยและพักโรงแรมชั้นหนึ่ง เจ้าภาพของผมก็คือ Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) ให้ผมเป็นกรรมการในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการจัดประชุมเป็นระยะๆ การเดินทางทุกอย่างภายในประเทศสิงคโปร์ก็เบิกได้หมด แต่ผมก็ไม่ได้เบิก

            ผมขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมืองโดยสนนราคาก็พอๆ กับค่าโดยสารรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ นี่แสดงว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าในสิงคโปร์น่าจะถูกกว่าในประเทศไทย เมื่อเทียบกับค่าครองชีพของสิงคโปร์ซึ่งสูงกว่าไทยหลายเท่าตัว ค่าระบบขนส่งมวลชนของเขาจึงถูกมาก ระบบขนส่งมวลชนของเขาทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แต่สำหรับในกรุงเทพฯ ชุมชนที่อยู่ชานเมืองรถเมล์ร้อนจึงจะประหยัดกว่านั่งรถไฟฟ้ามาก

            ในครั้งนี้ผมได้เดินทางไปไปดูที่ดินที่แพงที่สุดสำหรับอาศัยในประเทศสิงคโปร์  ที่ถนน Nassim ซึ่งมีราคาสูงสุดถึง 3 ล้านบาทต่อตารางวา และบางแปลงขายสูงถึง 5 ล้านบาทต่อตารางวา ถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ถนน Orchard ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของสิงคโปร์ ผมได้ถ่ายภาพและทำคลิปไว้ด้วย เผื่อท่านใดสนใจจะได้ลองค้นหาดู

            ผมยังได้เดินเท้าชมเมือง ขึ้นรถไฟฟ้าต่อรถเมล์เพื่อไปชมสถานที่สถานที่ต่างๆ เช่นย่านที่ก่อสร้างรถไฟฟ้ามวลเบา ซึ่งไทยควรนำมาศึกษาและทำเป็นเยี่ยงอย่างบ้าง รวมทั้งไปดูชายหาดที่สิงคโปร์ ซึ่งสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ไม่มีคนมาทำการค้าเกะกะไม่มีร่มหรือเสื่อของผู้มีอิทธิพล จึงนับว่าเขาดูแลสาธารณสมบัติให้ไว้เพื่อสาธารณะชนอย่างแท้จริง

            ขากลับไปที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ใช้รถไฟฟ้าตามเดิมแล้วมาต่อด้วยรถประจำทางเพราะย่านชายหาดที่ผมดูไม่มีรถไฟฟ้ามีแต่ระบบรถเมล์เท่านั้น แต่ก็สะดวกเป็นอย่างมาก และสำหรับแท็กซี่ที่สนามบินของสิงคโปร์ก็ไม่ต้องเสียเพิ่ม 50 บาทเช่นในกรุงเทพฯ

            และโดยที่ผมเดินทางไปถึงสนามบินเร็ว พอมีเวลา ผมจึงไปแวะแวะดู Jewel ซึ่งเป็นปล่องน้ำตกขนาดใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดขายของสนามบินชางงี ทั้งนี้ในแต่ละวันมีผู้ไปถ่ายรูปนับหมื่นๆ คน Jewel จริงๆที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นพิเศษ

            ไว้โอกาสหน้าแวะไปสิงคโปร์อีกผมจะได้ Update ข้อมูลมาให้ชมเพิ่มเติมนะครับ

 

อ่าน 31 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved