โครงการอสังหาฯ เดือนพฤศจิกา กระหน่ำเปิดถึง 50 โครงการ สูงสุดในรอบปี
  AREA แถลง ฉบับที่ 1124/2567: วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

           

            ในเดือนพฤศจิกายน อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลับมาเปิดตัวโครงการใหม่คึกคักอีกครั้ง โดยมีโครงการเปิดขายใหม่รวม 50 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 10,501 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมสูงถึง 80,490 ล้านบาท

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 10,501 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 4,860 หน่วย (เดือนตุลาคม 2567 มีจำนวน 5,641 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 86.2% เนื่องจากใกล้จะสิ้นสุดไตรมาสสุดท้ายของปี ผู้ประกอบการที่ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ไว้จึงต้องเร่งการเปิดตัวโครงการในเดือนนี้

            ทั้งนี้ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ คือ อาคารชุด มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่รวม 7,022 หน่วย (66.9%) รองลงมา คือ บ้านเดี่ยว 2,549 หน่วย (24.3%) ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 663 หน่วย (6.3%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลัก ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุด กับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่า จำนวนหน่วยขายเปิดใหม่ของอาคารชุดเพิ่มขึ้น 2,669 หน่วย (340.4%)  บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และทั้งหมด โดยบ้านเดี่ยวมีจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 1,078 หน่วย (163.1%) บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 1,783 หน่วย (43.0%) ส่วนทาวน์เฮ้าส์มีจำนวนลดลง 159 หน่วย (19.3%)

            ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ บ้านเดี่ยวมีมูลค่า 40,880 ล้านบาท (50.8%) รองลงมา คือ อาคารชุดมีมูลค่า 34,935 ล้านบาท (43.4%) ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 2,210 ล้านบาท (2.7%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ หากเป็นบ้านเดี่ยวจะเน้นพัฒนาที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์เน้นพัฒนาที่ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ส่วนอาคารชุดจะเน้นพัฒนาที่ราคา 3-5 ล้านบาท เป็นสำคัญ และยังมีการพัฒนาอาคารชุดราคาแพงจนถึงไฮเอนด์อยู่มากถึงจำนวน 617 หน่วย (8.8%) ของจำนวนอาคารชุดที่เปิดขายทั้งหมดในเดือนนี้

            หากพิจารณาระดับราคาขาย จะพบว่า ในเดือนนี้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1-2 ล้านบาท

มีจำนวน 725 หน่วย (7.0%) มีมูลค่าโครงการ 1,165 ล้านบาท (1.5%) ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 927 หน่วย (8.9%) มีมูลค่าโครงการ 2,459 ล้านบาท (3.1%) ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวน 4,600 หน่วย (44.2%) มีมูลค่าโครงการ 18,029 ล้านบาท (22.9%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปจำนวน 4,249 หน่วย (39.9%) และมีมูลค่าโครงการ 58,837 ล้านบาท (72.5%) ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้

            ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 10 บริษัท คือ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทศุภาลัย  จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ  จำกัด (มหาชน) บริษัท  เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)   และบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ

นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทในเครือบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรวมกันมีถึงราว 80% ส่วนที่เหลืออีกเพียง 20% เป็นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์

            อันดับ 1 บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดมูลค่า 14,604 ล้านบาท จำนวน 3,107 หน่วย ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 4.700 ล้านบาท

            อันดับ 2 บมจ.แสนสิริ เปิดมูลค่า 11,896 ล้านบาท จำนวน 949 หน่วย ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 12.535 ล้านบาท

            อันดับ 3 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดมูลค่า 7,961 ล้านบาท จำนวน 561 หน่วย ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 14.192 ล้านบาท

            อันดับ 4 บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ เปิดมูลค่า 5,069 ล้านบาท จำนวน 380 หน่วย ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 13.339 ล้านบาท

            อันดับ 5 บมจ.ศุภาลัย เปิดมูลค่า 5,038 ล้านบาท จำนวน 816 หน่วย ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 6.174 ล้านบาท

            ในด้านทำเลที่ตั้ง จะพบว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นใน จำนวน 5 โครงการ ในย่านเอกมัย พญาไท พระราม 3 พระราม 9 และเจริญนคร  ส่วนโครงการที่ตั้งอยู่ในเขตชั้นกลาง และส่วนต่อขยายของเมือง (Intermediate area) มีจำนวน 40 โครงการ เช่น ย่านพระราม 2 ราชพฤกษ์ สุขุมวิทตอนปลาย แจ้งวัฒนะ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ พุทธมณฑลสาย 2  และพุทธมณฑลสาย 3  เป็นต้น นอกจากนี้ส่วนที่เหลือจำนวน 5 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอก ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านแหล่งงาน เช่น ลำลูกกา ปทุมธานี ไทรน้อย และบางปู เป็นต้น  

            คาดว่าในเดือนธันวาคม 2567 จะมีการเปิดตัวโครงการส่งท้ายในจำนวนมากอีก แต่ทั้งปี 2567 ยังคาดว่าจะมีหน่วยขายลดลงกว่าปี 2566 ถึงเกือบ 40%

 

หมายเหตุ: บทความนี้ตีพิมพ์ในประชาชาติธุรกิจฉบับวันที่ 16-18 ธันวาคม 2567หน้า 6

https://www.prachachat.net/property/news-1715237

 

อ่าน 129 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved