AREA แถลง ฉบับที่ 22/2558: วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม 2558
สินค้าที่ขายดีและที่ขายไม่ดีพึงระวัง
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
โดยที่ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดตั้งแต่ พ.ศ.2537 และสำรวจอย่างกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย ในทุกทำเล ทุกประเภทที่อยู่อาศัยและทุกระดับราคา ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ฯ จึงขอนำเสนอประเภทที่อยู่อาศัยที่ขายดี ซึ่งน่าจะเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ และประเภทที่ขายไม่ดี ซึ่งเป็นข้อพึงสังวรที่ไม่ควรดำเนินการ หรือผู้ซื้อบ้านพึงระวังในการซื้อเป็นพิเศษ ดังนี้:
สินค้าที่ขายดี และน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่ควรพัฒนาต่อไปในอนาคต แต่พึงระวัง หากพัฒนากันมาก ๆ ก็อาจกลายเป็นภาวะล้นตลาด ได้แก่สินค้าดังต่อไปนี้:
อาคารชุดพักอาศัยราคา 1-2 ล้านบาท ย่านบางพลัด (ทำเล L3) ขายดีมาก เดือนหนึ่งขายถึง 88% ของทั้งหมด คือขายได้เกือบหมดใน 1 เดือนที่เปิดขาย
อาคารชุดพักอาศัยราคา 10-20 ล้านบาท ย่านปทุมวัน (ทำเล I2) แม้จะมีราคาสูงมากถึงตารางเมตรละตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป แต่ก็ขายได้ถึง 85% ต่อเดือน แสดงว่าจะขายหมดในเวลาไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นในย่านเดียวกัน สำหรับอาคารชัดพักอาศัยราคา 5-10 ล้านบาท ก็ขายได้เดือนละถึง 66% ซึ่งแสดงว่าจะขายหมดในเวลาไม่เกิน 2 เดือนเช่นกัน
อาคารชุดพักอาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ย่านเจ้าคุณทหาร (ทำเล E6) ก็ขายได้เดือนละ 55% หรือราว 600 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้คงเป็นเพราะราคาถูกเป็นพิเศษ
ในย่านลาดพร้าว-มัยราบ (ทำเล D4) ยังมีห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาท และ 2-3 ล้านบาทขายได้เดือนหนึ่งประมาณ 40% แสดงว่าภายในเวลา 3 เดือน สินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาดก็หมดแล้ว
จะเห็นได้ว่าอันดับสินค้าขายดีส่วนใหญ่เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย แต่ที่เป็นสินค้าอื่น ก็มี เช่น ตึกแถว หรืออาคารพาณิชย์ ราคา 5-10 ล้านบาทท ในย่านประชาอุทิศ ฝั่งธนบุรี (ทำเล J2) ก็ขายได้เดือนละ 25% หรือทาวน์เฮาส์ ราคา 2-3 ล้านบาท แถววัชรพล-คู้บอน (ทำเล D5) ก็ขายได้เดือนละ 22% แสดงว่าภายในเวลาไม่เกิน 5-6 เดือน ก็ขายหมดแล้วเช่นกัน
ในทางตรงกันข้ามอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่ขายได้ช้ามากซึ่งพึงระวังว่าจะประสบปัญหา หากมีอุปทานเพิ่มขึ้นมาอีก ได้แก่
บ้านเดี่ยวราคา 5-10 ล้านบาทย่านบางนา-ตราด กม.30 ขึ้นไป (ทำเล H9) อาจด้วยที่ระยะทางไกลมาก และสินค้าราคาค่อนข้างสูง จึงแทบขายไม่ได้ในแต่ละเดือน เดือนหนึ่งขายได้ราว 0.2% ของสินค้าที่มี
บ้านแฝดราคา 3-5 ล้านบาท ย่านไทรน้อย-สุพรรณบุรี (ทำเล N5) ก็ขายได้ช้ามาก เดือนหนึ่งขายได้ราว 0.2% ของสินค้าที่มีเช่นกัน
ทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท ย่านมหาชัย-เศรษฐกิจ (ทำเล K3) ก็ขายได้ช้า อาจเป็นเพราะในทำเลนั้นมีสินค้าบ้านเดี่ยวที่ราคาใกล้เคียงหรือยังมีทาวน์เฮาส์ราคาที่ต่ำกว่านี้เสนอขายก็ได้ จึงขายได้เดือนละเพียงราว 0.3% ของสินค้าที่มีอยู่
อาคาชุดพักอาศัย ราคา 3-5 ล้านบาท แถวเทพลีลา-มหาดไทย (ทำเล F6) ก็อาจตั้งราคาไว้สูงไปสักหน่อย จึงทำให้ขายได้เดือนละราว 0.4% ของสินค้าที่มีอยู่เท่านั้น
ส่วนย่านบางพลัดที่อาคารชุดราคา 1-2 ล้านบาทขายได้ดีนั้น หากเป็นราคาแพงคือราคา 5-10 ล้านบาท กลับปรากฏว่าขายได้ช้าเพียงเดือนละประมาณ 0.6% เท่านั้น แสดงว่าย่านนั้นไม่เหมาะที่จะพัฒนาสินค้าราคาแพงเป็นต้น
อย่างไรก็ตามการขายดีหรือไม่ดีก็ยังขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ประกอบการด้วย การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือและผลงานประกอบด้วย
ดร.โสภณ กล่าวว่าศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เป็นศูนย์ข้อมูลที่เป็นกลางที่สุดในประเทศไทย เพราะไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาเป็ฯกรรมการล่วงรู้ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวก่อน และจะได้รายงานสถานการณ์เพื่อประโยชน์แก่สังคมได้ทราบในรายละเอียดต่อไป
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
|