ออกไปอยู่ชานเมืองแทนห้องชุดกลางเมือง คุ้มไหม ชั่งใจดู
  AREA แถลง ฉบับที่ 0346/2568: วันศุกร์ที่ 04 เมษายน 2568

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

               

                ในขณะนี้มีบางท่านคิดว่าจะไม่อยู่ห้องชุดในใจกลางเมืองแล้ว จะอยู่แถวชานเมืองแทน สมมติว่าถ้าย้ายออกไปรังสิตจากใจกลางเมือง เช่น สีลม สาทร หรือหลังสวน จะทำให้ผู้ไปอยู่ชานเมืองสูญเสียเป็นเงินเท่าไหร่ คุ้มหรือไม่ ชั่งใจดู

                ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ประมาณการให้เห็นในกรณีการย้ายออกนอกเมือง จะทำให้เราเกิดต้นทุนเป็นเงินไปเท่าไหร่ โดยประมาณการว่าในแต่ละวันเราต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น

                1. ค่าทางด่วนประมาณ 260 บาท ค่ารถรวมค่าสึกหรอและค่าน้ำมันไปกลับอีก 450 บาท ค่าเสียเวลาขับรถอีก 2 ชั่วโมงอีกประมาณ 400 บาท วันหนึ่งๆ ก็จะใช้เงินราว 1,110 บาท

                2. ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สมมติต่อวัน เป็นเวลา 22 วัน (ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์) ก็เป็นเงิน 24,420 บาทต่อเดือน(ไม่นับกรณีต้องเดินทางเข้าเมืองอีกในช่วงเสาร์-อาทิตย์) หรือ 293,040 บาทต่อปี

                3. หากต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไป 25 ปี และมีอัตราการเพิ่มของค่าใช้จ่ายปีละ 2% และมีอัตราผลตอบแทน 6% มูลค่าความสูญเสียก็จะเป็นเงิน 3,663,000 บาท

 

 

                ทั้งนี้ในการคำนวณมูลค่าความสูญเสียที่ 3,663,000 บาทนี้ คำนวณจากรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด (293,040 บาท) หารด้วยผลบวกของอัตราผลตอบแทนสุทธิ 6% ลบด้วยอัตราเพิ่มของค่าใช้จ่ายต่อปี 2% (ยิ่งต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อปีเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้มูลค่าความเสียหายมากขึ้น) และบวกด้วย % ของระยะเวลาที่ต้องอยู่ 25 ปี เป็นปีละ 4% หรือเท่ากับ 6% - 2% + 4% เป็น 8% หรือ 293,040 / 8% นั่นเอง

                ดังนั้นสมมติเราไปซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาทในย่านชานเมืองรังสิต แล้วเข้ามาทำงานในเมือง เราก็ต้องเสียค่ารเดินทางรวม 3.66 ล้านบาท หรืออีกนัยหนึ่งหากเรามีเงินซื้อบ้านชานเมืองในราคา 5 ล้านบาท เราซื้อห้องชุดในใจกลางเมืองในราคาได้ 8.66 ล้านบาท (5 ล้านบาท + 3.66 ล้านบาทซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)

                อย่างไรก็ตามในขณะนี้อาจมีบางคนคิดว่าจะย้ายออกนอกเมืองเพราะกลัวเรื่องแผ่นดินไหว ดังนั้นผู้ที่คิดจะย้ายพึงคำนึงถึงต้นทุนค่าออกนอกเมืองเหล่านี้ด้วย  ดร.โสภณคาดว่าความวิตกเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวก็คงจะหมดไปในเวลาไม่เกินครึ่งปีถึง 1 ปี เช่นกรณีความวิตกเรื่องสึนามิภูเก็ต

                ดร.โสภณยังเชื่อว่าจะมีผู้ย้ายออกเช่นกันโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและห้องชุดหลายหน่วย อาจย้ายจากห้องชุดหนึ่งไปห้องชุดอื่นหรือบ้านแนวราบก็ได้สำหรับประชาชนทั่วไป ก็คงไม่ย้าย กรณีนี้เคยเกิดขึ้นกับเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ชาวบ้านในนวนคร เมืองเอก และหมู่บ้านอื่นๆ ต่างก็ทยอยกลับไปอยู่บ้านหลังเดิม ส่วนผู้ที่อยู่ในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวราคาแพง ก็อาจย้ายออกไปอยู่ทำเลอื่น เช่น บางนา (ซึ่งน้ำไม่ท่วม) ปล่อยบ้านที่ถูกน้ำท่วมให้คงคราบน้ำไว้ (คล้ายสีทูโทน) เพราะไม่ได้ซ่อมแซมนั่นเอง

                ในอีกทางหนึ่ง บางท่านอาจคิดว่าเงินจำนวน 3.663 ล้านบาทนี้อาจน้อยกว่ามูลค่าของชีวิตของตนเองหากต้องสูญเสียไปจากตึกถล่มเมื่อมีแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง  ในกรณีก็อาจซื้อประกันเพิ่มเติมได้ เช่น วงเงิน 10 ล้านบาท ก็อาจต้องจ่ายเบี้ยประกันประมาณ 10,000 บาทต่อปี เป็นต้น

                ประชาชนผู้มีบ้าน โปรดไตร่ตรองก่อนคิดย้ายออกนอกเมือง

 

 

อ่าน 232 คน
2025 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved