ทุกวันนี้เราให้ต่างชาติถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ แต่พวกเขาไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ ผิดกับการถือครองในประเทศของพวกเขาเอง การละเว้นการเก็บภาษีต่างชาติเพราะผู้มีอำนาจไม่ต้องการเสียภาษี จึงไม่ให้มีกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีมรดก
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่าทุกวันนี้ ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2555 เคยสำรวจพบว่ามีต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปทั้งหมดรวมกันทั่วประเทศประมาณ 67,031 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียง 11.6% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขายอยู่ทั้งหมด 578,588 ล้านบาท (
http://goo.gl/iTFnya)
ผลที่เคยประมาณการไว้สำหรับมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ต่างชาติเข้าซื้อ 15 อันดับแรกซึ่งเป็นถือเป็นพื้นที่เป้าหมายของต่างชาติได้แก่
หากอนุมานเบื้องต้นว่าอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองโดยต่างชาติเป็น 20 เท่าของมูลค่าในปี 2555 ก็จะเป็นเงินประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท หากมีการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 2% ของมูลค่าทรัพย์สิน ก็จะเป็นเงินประมาณปีละ 26,805 ล้านบาท แต่ประเทศไทยไม่มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็เท่ากับเราให้ต่างชาติมาครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ เช่นที่ต่างชาติถือครองในประเทศของตนเองเลย แต่หากคนไทยไปซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีราคาหลังละ 10 ล้านบาท ก็ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละเฉลี่ย 2% ของราคาประเมินซึ่งใกล้เคียงกับราคาตลาด หรือเป็นเงิน 200,000 บาท
การไม่ให้มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง เพียงเพราะชนชั้นนำผู้มีอำนาจในสังคมไทยไม่ต้องการเสียภาษีดังกล่าวนั่นเอง ชนชั้นนำอาจไม่เข้าใจว่าการเสียภาษีนี้ จะยิ่งทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเพราะนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นโดยตรงโดยไม่ต้องส่งเข้าส่วนกลางเช่นในกรณีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โอกาสการรั่วไหลจึงน้อกว่า หากมีการรั่วไหลก็คงเป็นในระยะแรก แต่หากประชาชนต่างมุ่งตรวจสอบเงินภาษีที่ตนเสียไปเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ความโปร่งใสก็จะเกิดขึ้น โอกาสรั่วไหลก็จะค่อย ๆ ลดลง