ตามที่ในเดือนมกราคม 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น 16% ของเดือนมกราคมของปีก่อนหน้า (2557) ดูคล้ายกับว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงยังน่าเป็นห่วง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่า ตามข้อมูลของกรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2558 มีเข้าสู่ประเทศไทยถึง 2,654,634 คน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2557 ที่มีอยู่เพียง 2,282,568 คน หรือเพิ่มขึ้น 16.3% ถือว่าการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น เนื่องจากบ้านเมืองสงบสุข
อย่างไรก็ตามการที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากนั้น มีผลสำคัญเกิดจากการให้สิทธิพิเศษงดทำวีซาสำหรับนักท่องเที่ยวจีน หากไม่นับรวมนักท่องเที่ยวจีน จะพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาในเดือนมกราคม 2558 จะมีเพียง 2,094,235 คน ซึ่งยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มี 1,925,534 ถึงประมาณ 8.8% อาจกล่าวได้ว่าทุกวันนี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวหลักได้รับการหล่อเลี้ยงโดยนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ
และหากพิจารณาในรายละเอียดต่อไปจะพบว่า หากหักนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนออกด้วยแล้ว จะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือเพียง 1,471,958 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 1,508,714 คน คือลดลงไป -2.4% นี่แสดงว่า สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวไทยยังไม่กระเตื้องตามที่รัฐบาลคาดหวังนัก ยิ่งเมื่อดูรายละเอียดจะพบว่านักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีฐานะดี ใช้จ่ายสูง เช่น เดนมาร์ก นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน ออสเตรเลีย ยังเข้ามาท่องเที่ยวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจากแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ก็เข้ามาเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยมาก สำหรับประเทศที่มาท่องเที่ยวน้อยลงเป็นพิเศษก็คือรัสเซีย โดยในเดือนมกราคม 2557 มีชาวรัสเซียมาท่องเที่ยวราว 269,479 คนในเดือนมกราคม 2558 กลับมีชาวรัสเซียเข้ามาเพียง 145,605 คน หรือเท่ากับลดลงไปถึง 46% ซึ่งคาดว่าชาวรัสเซียยังคงเข้ามาน้อยอย่างต่อเนื่องในปี 2558 นี้ เนื่องจากคงต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูฐานะทางเศรษฐกิจ
การอาศัยนักท่องเที่ยวเชิงปริมาณของจีน อาจไม่ได้ปลุกการท่องเที่ยวและมูลค่าและตลาดอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวนัก เพราะการใช้จ่ายที่น้อย เช่น ในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 4,609,717 คน สร้างรายได้ได้ประมาณ 188,912 ล้านบาท หรือคนละ 40,000 บาท ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรป เข้ามา 6,155,582 แต่สร้างรายได้ถึง 421,120 ล้านบาท หรือหัวละ 68,000 บาท นั่นเอง การสร้างความมั่นคงทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นทางออกสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยว