ตามที่มีข่าวว่ามีนักลงทุนสนใจลงทุนทำกาสิโนในพื้นที่มักกะสัน แนวคิดนี้เลวร้าย เป็นสิ่งที่ไม่ควรดำเนินการ ถือเป็นการขายชาติ เสนอให้พัฒนากาสิโนที่อื่น ที่มักกะสันควรพัฒนาเพื่อกิจการรถไฟ เชื่อมต่อสนามบิน เป็นศูนย์รวมการคมนาคมขนส่งและศูนย์ธุรกิจ โดยออกแบบเป็นอาคารอัจฉริยะ อาคารเขียวประหยัดพลังงานและสวนสาธารณะบางส่วนมากกว่า
ตามที่มีข่าวว่า "ยักษ์กาสิโนทึ้งที่ดิน"มักกะสัน" ดอดคุยรัฐชู"มารีน่าเบย์"ต้นแบบ" (http://goo.gl/EzSrR4) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ขอเสนอความเห็นคัดค้าน ตามข่าวกล่าวว่า "ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มแซนด์กรุ๊ป (SAND Group). . . นักพัฒนากาสิโนรายใหญ่ของโลก ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความสนใจลงทุนพัฒนาสถานบันเทิงและบริการท่องเที่ยว และกาสิโนครบวงจร ในพื้นที่มักกะสันหรือพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสม อย่างไรก็ตามเป็นการหารือเบื้องต้น โดยนายกฯแค่รับฟังข้อมูลโดยไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธ" ข่าวยังกล่าวว่า "พล.อ.อ.ประจินชี้แจงกับบริษัทว่า นโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเน้นพัฒนาสวนสาธารณะเป็นหลักมากกว่า"
ต่อมาในข่าวกลับเขียนว่า "ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.อ.ประจิน ถึงกรณีกลุ่ม SANS Group จะเสนอโครงการพัฒนาที่ดินมักกะสันเป็นกาสิโน พล.อ.อ.ประจินกล่าวสั้น ๆ ว่า "ยังไม่มี และไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด"" และ "นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ปฏิเสธในทำนองเดียวกันว่า ไม่มีนักลงทุนรายใดเข้าพบนายกฯ เพื่อหารือถึงเรื่องการลงทุนในพื้นที่มักกะสัน และถึงขณะนี้ตนก็ไม่เห็นมีนักลงทุนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดัง กล่าว"
กรณีนี้นับเป็นสิ่งที่น่าแปลกที่ข่าวออกมาไม่ตรงกัน จึงไม่อาจทราบได้ว่ามีการ "แอบ" นัดพบกันหรือไม่ ถ้ารัฐบาลให้กลุ่มกาสิโนทำการพัฒนาเป็นกาสิโนก็เท่ากับเป็นการขายชาติโดยแท้ เพราะที่ดินแปลงนี้เหมาะที่จะทำเพื่อกิจการรถไฟ คือเป็นศูนย์คมนาคมขนส่งเชื่อม 2 สนามบิน เชื่อมรถไฟฟ้าสายอื่น จะกลายเป็นเช่น KL Sentral ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นศูนย์คมนาคมเช่นกัน
โดยในการนี้สามารถออกแบบให้เป็นอาคารอัจฉริยะ อาคารเขียวที่ดูแลสิ่งแวดล้อม สามารถปลูกผัก ผลไม้ ต้นไม้บนอาคาร ดาดฟ้า ผนังอาคาร ฯลฯ ทำให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่สูงไปกว่าสวนสาธารณะบนพื้นราบ และรัฐบาลยังไม่ต้องเสียค่าสร้างสวนอีกนับพันล้านและค่าดูแลอีกปีละนับร้อย ๆ ล้านอีกด้วย ทั้งนี้สามารถเหลือพื้นที่ 40% ของมักกะสันเป็นสวนและสาธารณูปโภค เช่น ถนนและอื่น ๆ ได้อีกด้วย นำเพียงพื้นที่ 60% มาพัฒนาก็สามารถที่จะใช้หนี้การรถไฟฯ ได้ทั้งหมด เพราะ ดร.โสภณ เคยประเมินไว้ว่าที่ดินแปลงนี้มีค่า 83,000 - 110,000 ล้านบาท ทีเดียว
ส่วนกาสิโน หากจะสร้าง ควรไปสร้างในพื้นที่อื่น เช่น ถมทะเลนอกอ่าวไทย หรือใช้เกาะล้าน หรือบริเวณที่ขาดความเจริญ เพื่อพัฒนาย่านนั้น ๆ ให้เป็นเมืองใหม่ที่เจริญขึ้นจากพื้นที่กันดารเดิม ทุกวันนี้ประเทศไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจไปเป็นอันมาก จากการที่คนไทยไปเล่นการพนันในกาสิโนในประเทศรอบบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ และในประเทศตะวันตก
แต่แม้แต่ในมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม และสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในด้านต่าง ๆ เป็นอันมาก ก็ยังมีบ่อนกาสิโนแล้วเช่นกัน แต่ที่มาเลเซีย สร้างบนเขาสูง ส่วนที่สิงคโปร์ สร้างบนพื้นที่ ๆ เป็นที่ดินเกิดใหม่ที่เกิดจากการถมทะเล ไม่ใช่เอาพื้นที่มักกะสันซึ่งมีความหมายทางการคมนาคมขนส่งของการรถไฟมาก่อสร้างกาสิโน