ทิศทางบ้านพักผู้สูงวัยในไทย
  AREA แถลง ฉบับที่ 643/2565: วันอังคารที่ 06 กันยายน 2565

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            บ้านพักผู้สูงวัยกำลังเติบโตในประเทศไทย แม้จะมีทั้งบ้านแบบทั้งเช่า และขายขาด แบบอยู่ชั่วคราวหรือประจำ  และแม้จะดูมีหลายโครงการ แต่นี่ยังถือเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น อนาคตจะมีอุปสงค์อีกมหาศาล

 

บ้านพักผู้สูงวัยในไทย

            น.ส.น้ำทิพย์ พรโชคชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. AREA Research ในเครือศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (area.co.th) ได้รวบรวมข้อมูลบ้านพักผู้สูงวัยไว้ดังนี้:

            1. บ้านบางแค ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ กทม. โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 – 2,000 บาท/เดือน โดยถือเป็นสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุแห่งแรกของประเทศไทย ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ในบ้านบางแคมีกิจกรรมมากมายให้ผู้สูงอายุได้สนุกสนานกัน

            2. บ้านเย็นจิต 198 ม.11 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท/เดือน โดยเป็นสถานดูแลผู้สูงอายุ สถานดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยระยะพักฟื้น และสถานพักฟื้นผู้สูงอายุ มีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุทุกวัน ทุกระดับความสามารถและทุกวัย ควบคุมดูแลโดยพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วย

            3. คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม มี 3 สาขาใน กทม. และนนทบุรี ค่าใช้จ่าย 16,000 – 26,000 บาท/เดือน โดยให้บริการเสมือนครอบครัว ในบรรยากาศรื่นรมย์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้บริการครอบคลุมทั้งผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง  โดยเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือในการช่วยเหลือฉุกเฉินครบครันได้มาตรฐาน

            4. แสนสิริ โฮม แคร์ มี 4 สาขาใน กทม. และสมุทรปราการ ค่าใช้จ่าย 16,000 – 20,000 บาท/เดือน เน้นการดูแลเสมือนบ้าน บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ สะอาด ถูกหลักอนามัย โดยมีพยาบาลวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการทำกายภาพบำบัดพื้นฐาน เป็นต้น

            5. เอลเดอร์ลี่คลับ เนอร์สซิ่งโฮม ในหมู่บ้านเอเวอร์กรีนซิตี้ ถ.กาญจนาภิเษก บางแค กทม. ค่าใช้จ่าย 16,000 – 25,000 บาท/เดือน เป็นสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะพักฟื้น ในรูปแบบคฤหาสน์หรูย่านฝั่งธน บรรยากาศดี ร่มรื่น ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมทั้งการบริการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพอนามัย

            6. เถาจือ โฮม ในหมู่บ้านเมืองเอกโครงการ 4 หลักหก ปทุมธานี ค่าใช้จ่าย 20,000 บาท/เดือน รับดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ทั้งช่วยเหลือตัวเองได้และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งระยะสั้นหรือระยะยาว ดูแลโดยทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ดูแลทั้งในเรื่องของจิตสังคม

            7. ดิษฐ์ราเนอสซิ่งโฮม มี 2 สาขาใน กทม. ค่าใช้จ่าย 26,000 - 65,000 บาท/เดือน บริการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยระยะพักฟื้น ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทีมงานบริบาลที่ได้รับการฝึกฝนมา ทั้งด้านการบริบาล ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ โดยยึดหลักองค์รวม

            8. โรงพยาบาลผู้สูงอายุ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 แขวงบางนา กทม. มีค่าใช้จ่าย 30,000 บาท/เดือน มีห้องพักให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งห้องพักเดี่ยว และห้องพักรวม เน้นการดูแลเอาใจใส่ให้ผู้สูงอายุมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสำหรับ ผู้สูงอายุวัยหลังเกษียณที่ต้องการพักอาศัย มีการดูแลใกล้ชิด หากต้องการพักแบบรายวัน มีค่าใช้จ่ายที่ 1,000 บาท/วัน

 

อาคารชุดผู้สูงวัย

            น.ส.น้ำทิพย์ยังได้รวบรวมโครงการอาคารชุดสำหรับผู้สูงวัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภูมิภาค ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้สูงวัย ดังนี้:

            1. โครงการบุศยานิเวศน์ โดยมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช โดยมีสิทธิการใช้งาน: อยู่ได้ตลอดชีวิต หลังจากนั้นต้องคืนห้อง ราคา: 200,000 - 250,000 บาท ค่าส่วนกลาง: 1,500 – 2,500 บาท โครงการนี้ตั้งอยู่ด้านหลังสถานสงเคราะห์คนชราวาสนะเวศม์ เลขที่ 200/11 หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างบนพื้นที่ 23 ไร่

            2. บ้านสำหรับผู้สูงอายุครบวงจร จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยกรมธนารักษ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นสิทธิการใช้งาน: เซ้ง 30 ปี (กรณีเสียชีวิตก่อนต้องขายบ้านคืน) ราคา: 500,000 – 1,000,000บาท โดยใช้ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข.320 ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง ริมทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่กว่า 11 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้าง มีเงื่อนไขให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 55 ปี สามารถอยู่ได้ 30 ปี กรณีเสียชีวิตก่อนต้องขายบ้านคืนโรงพยาบาลในราคามีส่วนลด เช่น ถ้าอยู่ไป 10 ปี เหลือเวลาอีก 20 ปี

            3. สวางคนิเวศ โดย: สภากาชาดไทย มีสิทธิการใช้งาน: อยู่ได้ตลอดชีวิต หลังจากนั้นคืนห้อง ราคา: 650,000 - 900,000 บาท มีค่าส่วนกลาง: 2,500 บาท เก็บล่วงหน้า 5 เดือน ไม่รวมค่าไฟฟ้า ประปา และบริการอื่น ๆ เช่น ค่ากายภาพบำบัด บริการรถตู้ ค่าอาหาร ของใช้ส่วนตัว และค่ารักษาพยาบาล โดยประกอบด้วยหมู่อาคารชุด 6-8 ชั้น จำนวน 9 อาคาร รวม 468 ห้องชุด

            4. เวลเนสซิตี้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย บจก.เวลเนส ซิตี้ มีสิทธิการใช้งาน เซ้ง 30 ปี ราคา 1,500,000 – 2,600,000 บาท เป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดสรรกว่า 1,200 ไร่

            5. ซีเนียร์คอมเพล็กซ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยโรงพยาบาลรามาธิบดี ในที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์

สิทธิการใช้งาน: เช่าระยะยาวในราคาเริ่มต้น 1,800,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายเดือนเป็นค่าแพทย์พยาบาลอีก 10,000 - 20,000 บาท/เดือน

            6. โครงการวิลล่ามีสุข เรสซิเดนท์เซส อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดย บจก.มีสุข (ประเทศไทย) สิทธิการใช้งาน: ขายขาด ราคา 3,400,000 – 5,500,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายเดือน เช่น หากต้องการพยาบาลจะมีค่าบริการ 800 - 1,800 ต่อวัน ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 3 ชั้น 1 อาคาร และที่ดินพร้อมสร้างวิลล่าส่วนตัวอีก 6 หลัง

            7. จิณณ์ เวลบีอิ้ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป สิทธิการใช้งาน: ขายขาด ราคา: เริ่มต้น 4,100,000 บาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายเดือน: ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน เป็นโครงการที่นำเอาการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ หรือ Integrated Healthcare มาผนวกกับที่พักอาศัยที่ออกแบบมาสำหรับคนทุกวัย (Universal Design) ภายใต้แนวคิด “เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 140 ไร่

            8. แสนสรา แอท แบคเม้าท์เท่น  โดย บจก.แสนสรา ดีเวลลอปเมนท์ สิทธิการใช้งาน: เช่า 30 ปี ต่อสัญญาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี ราคาเริ่มต้น 6,900,000 บาท โดยมีวิลล่าให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ และอพาร์ทเม้นท์ทั้งหมด 5 แบบ โดยวิลล่าราคาเริ่มต้นที่ 21.184 ล้านบาท และอพาร์ตเม้นท์เริ่มต้นที่ 6.9 ล้านบาท

            9. กมลาซีเนียร์ ลิฟวิ่ง จ.ภูเก็ต โดยเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ สิทธิการใช้งาน: ขายขาด ราคา: ยังไม่เปิดเผยราคา เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์บนพื้นที่กว่า 450 ไร่ หาดกมลา มีห้องชุด 200 หน่วย และวิลล่า 30 หน่วย มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท

 

บ้านแนวราบสำหรับผู้สูงวัย

            ส่วนโครงการบ้านแนวราบสำหรับผู้สูงวัย บจก.AREA Research ได้รวบรวมไว้ดังนี้:

            1. ศุภวัฒนาลัย  Supalai Wellness Valley อ.แก่งคอย จ.สระบุรี  โดยเป็นบ้านแถวสำหรับผู้สูงวัย จำนวนยูนิต: เฟสแรก 65 หลัง ทั้งโครงการ 144 หลัง เปิดปี 2563 มีขนาดห้อง 55 ตร.ม. ค่าใช้จ่าย: 1.1 – 1.6 ล้านบาท/ห้องโดยมีทั้งการทำสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี หรือ การทำสัญญาเช่าตลอดชีพ

            2. Wellness City อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบ้านเดี่ยว 300 หลัง แบ่งเป็น 3 เฟส ขนาดบ้าน 150 – 190 ตร.ม. และคอนโดมิเนียม ขนาด 41 - 67 ตร.ม./ห้อง  ขนาดห้องประมาณ 150 – 190 ตร.ม. และห้องชุด ขนาด 41 - 67 ตร.ม./ห้อง ราคา 2.7-3.42 ล้านบาท ส่วนห้องชุด 1.56 ล้านบาท บ้านเป็นแบบขายขาด  และห้องชุดเป็นแบบ ขายสิทธิ์การเช่า 30 ปี

            3. นายา เรสซิเดนซ์ NAYA Residence NAYA Residence อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เนื้อที่กว่า 23 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางภายใต้การบริหารจัดการของ Narai Club – Health & Fitness ทั้งนี้เป็นห้องชุด 70 หน่วย ปีที่เปิดให้บริการ: 2564 1 ห้องนอน ขนาด 62 – 76 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน ขนาด 105 – 120 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท

            4. ดิ แอสเพน ทรี The Aspen Tree  ถนนบางนา-ตราด กม.7 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส โดย MQDC บนพื้นที่ 398 ไร่ เป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมบริการและการดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร ด้วยแนวคิด Holistic Lifetime Care การดูแลตลอดช่วงชีวิต จำนวนยูนิต 290 หน่วย และวิลล่าอีกต่างหาก

 

แนวโน้มสำคัญของเวลเนสในโลก

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้อ้างอิง McKinsey & Company (https://mck.co/3bCkEVx) ว่ามูลค่าของธุรกิจเวลเนสในโลกนี้เป็นเงินประมาณ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 5-10% ต่อปี และได้เผยถึง แนวโน้มสำคัญของกิจการเวลเนสในโลกได้แก่

            1. การดูแลสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล เพื่อให้มีความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น

            2. การติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อการประมวลผลในระยะยาว

            3. การจัดลำดับความสำคัญสุขภาพจิตโดยการประเมินที่ชัดเจน ให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที

            4. การทำงานทางไกลและตารางเวลาที่ยืดหยุ่นสำหรับทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ

            5. การใช้เครื่องมือเพื่อสุขภาพที่หลากหลายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น ทำให้มีการพัฒนาเครื่องมือที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น

            6. การพัฒนาอาหารสำหรับระบบย่อยอาหาร และสำหรับจิตใจเพื่อให้การรักษาสุขภาพไม่ใช่สิ่งที่ทรมานอีกต่อไป

            7. การจัดการอาหารที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เบียดเบียนสัตว์และโลก

            8. การท่องเที่ยวอย่างมีบูรณาการ มีลักษณะที่ปฏิรูปและสร้างสรรค์

 

            นอกจากนี้การส่งเสริมสุขภาพยุคใหม่สำหรับทุกเพศวัยยังให้ความสำคัญกับ

            1. การอยู่ป่า การได้ใช้ชีวิตในป่าแบบ Forest Bathing อาบป่า (Forest Bathing) เป็นการรับรู้บรรยากาศป่าผ่านประสาทสัมผัส เป็นศาสตร์ที่จะเชื่อมเราให้เข้าสู่ธรรมชาติ ให้ธรรมชาติช่วยชำระความหนักหน่วงที่แบกไว้ในใจ ในความคิด และนับเป็นวิธีบำบัดฉบับง่ายๆ

            2. การรักษาอาการเจ็บป่วยแบบเป็นฝ่ายกระทำ โดยมีการคาดการณ์ถึงอาการป่วยต่างๆ เพื่อการวางแผนการรักษา

            3. การเน้นการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆ มิติของการอยู่อาศัย

            4. การใส่ใจต่อการดูแลร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นผิว ผม ใบหน้า เป็นต้น

            5. การออกกำลังกาย ฯลฯ

 

ขนาดของตลาดเวลเนสในประเทศไทย

            สำหรับในประเทศไทย ธุรกิจนี้กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก เพราะประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อุปสงค์ย่อมเติบโตเป็นเงาตามตัว เมื่อปี 2564 มีรายงานข่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขมูลค่าของตลาดสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพ (Wellness) ล่าสุด ในประเทศไทย ธุรกิจ Wellness มีมูลค่า 65,000 ล้านบาท และทั้งนี้คาดว่าจะมีมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงว่า คนไทยตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้นเพราะไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ปัญหาเรื่องมลพิษฝุ่นควัน รวมถึงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

            น.ส.น้ำทิพย์กล่าวว่า Wellness Real Estate หรือ อสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในวงการอสังหาริมทรัพย์ นับว่าเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยจับตามอง  แม้ธุรกิจ

อสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะซบเซา แต่กลุ่มหนึ่งที่เติบโตดีสวนกระแส มีการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้มากขึ้น และผู้บริโภคยังยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มนี้อันได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม จากข้อมูลของ Global Wellness Institute (GWI) อสังหาริมทรัพย์กลุ่มนี้เติบโตเกือบ 2 เท่าภายในเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น จาก 148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ในปี 2560 เป็น 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 ล้านล้านบาท) ในปี 2563 สูงกว่าของเดิมที่ GWI คาดการณ์ไว้เมื่อปี 2560 ว่าในปี 2022 มูลค่าจะเติบโตถึง 180 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.9 ล้านล้านบาท)

            หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเจาะกลุ่ม Real Demand ที่มีกำลังซื้อให้ได้ นั่นคือต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ โครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ๆ โดยคนยอมจ่ายแพงขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดี ดังนั้น Wellness Real Estate จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ ทางอารมณ์ ทางสังคม ทางจิตวิญญาณ ทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงทางการเงิน

            ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนเนิร์สซิ่งโฮมเพิ่มขึ้นจาก 200 กว่าแห่ง เป็น 450 แห่งหากนับเฉพาะเนิร์สซิ่งโฮมที่ได้มาตรฐาน และขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสมาคมฯ ยังไม่รวม เนิร์สซิ่งโฮมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกนับ 1,000 – 2,000 แห่งทั่วประเทศ โดยนายแพทย์ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุและกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคมคาดว่าตลาดกิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงในประเทศไทยมีมูลค่ามากถึง 20,000 ล้านบาท/ปี เติบโตขึ้น โดยมีสถานบริการดุแลผู้สูงอายุกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ เติบโตมากถึง 150% จาก 3-5 ปีก่อน

 

            ถ้าใครไม่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท Wellness Real Estate ก็คงต้องตกยุคอย่างแน่นอน

สำนักงาน หรือธุรกิจไลฟ์สไตล์ สุขภาพความงาม คุณย่อมพลาดเทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ ไปไม่ได้ เพราะนี่คือโอกาสทางธุรกิจที่มาแรง และมีมูลค่าสูงอีกด้วย

 

ที่มาภาพประกอบ:

https://mqdc.com/th/our-business/discover-project/aspentree/project/theforestias/wellness-clubhouse

อ่าน 1,961 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved